กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)เผย รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประจำประเทศไทย หรือ Tokyo SME Support Center ณ กรุงเทพฯ มุ่งให้บริการด้านบริหารจัดการแก่ SMEs ญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนกับนักธุรกิจอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะ SMEs ไทย รวมทั้งพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านบริหารจัดการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพของ SMEs ไทย ให้มีขีดความสามารถรองรับการเปิดเสรีใน AEC ด้วยงบประมาณส่งเสริม SMEs ปี 2558 (1 เม.ย. 58 –31 มี.ค. 59) ของมหานครโตเกียว (ไม่รวมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง) เป็นเงินประมาณ 1.90 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณปี 2558 ของไทยเป็นเงิน 2.57 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม กสอ.และประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกับรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น โดยได้ร่วมลงนาม MOU ความร่วมมือทางเทคนิควิชาการกับหน่วยงานต่างๆ ไปแล้วทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน อาทิ จังหวัดไซตามะ จังหวัดยามานะชิ จังหวัดชิมาเน่ SMEs Support Center (หน่วยงานของรัฐบาลกลาง) จังหวัดฟุกุอิ หน่วยงาน Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute (หน่วยงานท้องถิ่นของมหานครโตเกียว) เป็นต้น เพื่อให้ยังคงบทบาทด้านการค้า การลงทุน และการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยต่อไปสำหรับ การจัดตั้งสำนักงานฯ ณ กรุงเทพฯ ดังกล่าว กสอ. ได้เดินทางไปเจรจาความร่วมมือทางเทคนิควิชาการด้านการส่งเสริม SMEsและ OTOP กับ Tokyo SME Support Center เมื่อเร็วๆนี้ ณ มหานครโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้เดินทางไปเจรจาความร่วมมือทางเทคนิควิชาการด้านการส่งเสริม SMEsและ OTOP กับ Tokyo SME Support Centerซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการSMEs ของมหานครโตเกียวโดยได้ลงนาม MOU กับนายยูจิ อิซาว่า ประธาน Tokyo SME Support Center ณ ศาลาว่าการกรุงโตเกียว โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองการให้บริการกับ SMEs ทั้งของญี่ปุ่นและไทย รวมทั้งพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านบริหารจัดการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ SMEs ให้มีขีดความสามารถรองรับการเปิดเสรีAEC
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า ในโอกาสเดินทางไปมหานครโตเกียวครั้งนี้ ยังได้เข้าเยี่ยมและหารือแนวทางความร่วมมือกับนายมาเอดะ โนบิฮิโระ รองผู้ว่าราชการมหานครโตเกียว และนายทาคาชิมะ นาโอกิ ประธานสภามหานครโตเกียว ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเป็นประเทศที่นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการลงทุนธุรกิจอุตสาหกรรมมายาวนาน และปัจจุบันยังมีศักยภาพสูงที่จะเป็นฐานเศรษฐกิจที่ธุรกิจอุตสาหกรรมของนักลงทุนญี่ปุ่น รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมที่ร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทยจะได้ขยายไปสู่ภูมิภาคดังกล่าวได้อีกด้วยทั้งนี้เดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา ได้มาตั้งสำนักงาน Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute สาขากรุงเทพฯ ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ศูนย์บริการกล้วยน้ำไท) ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และคาดว่าช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน 2558 ก็จะเข้ามาตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประจำประเทศไทย หรือ Tokyo SME Support Center เพิ่มที่กรุงเทพฯ อีก 1 สำนักงาน เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการ และได้จัดกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ เช่น การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ การจับคู่ธุรกิจ การศึกษาดูงานเป็นต้น
นายอาทิตย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศญี่ปุ่นมีบทบาทหลักต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยทั้งด้านการค้าและการลงทุน กสอ.จึงได้ให้ความสำคัญและร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ยังคงบทบาทด้านการค้า การลงทุน และการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยต่อไป รวมทั้งเพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงได้สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานของญี่ปุ่นทั้งจากรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่น โดยเฉพาะรัฐบาลท้องถิ่นที่แต่ละท้องถิ่นจะมีจุดเด่นของเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ลงนาม MOU ความร่วมมือทางเทคนิควิชาการกับหน่วยงานต่างๆ ไปแล้วทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน ได้แก่ 1. จังหวัดไซตามะ 2. จังหวัดยามานะชิ 3. จังหวัดอะคิตะ 4. จังหวัดโทโทริ 5. จังหวัดชิมาเน่ 6. SMEs Support Center (หน่วยงานของรัฐบาลกลาง) 7. จังหวัดไอจิ 8. เมืองคาวาซากิ 9. จังหวัดฟุกุอิ10. หน่วยงาน Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute (หน่วยงานท้องถิ่นของมหานครโตเกียว) 11. จังหวัดโทยาม่า 12. เมืองมินะมิโบโซ 13. จังหวัดฟูกุโอกะ และ 14.Tokyo SMEs Support Center (หน่วยงานท้องถิ่นของมหานครโตเกียว เพิ่งลงนามเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558)
นอกจากนี้ประธานสภามหานครโตเกียวได้แจ้งว่า ในปี 2563 (ค.ศ. 2020) มหานครโตเกียวได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการในการเตรียมการต่างๆ โดยเฉพาะการก่อสร้างสนามแข่งขัน ที่พักนักกีฬา รวมทั้งโครงสร้างสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่างๆ เชื่อว่าจะเป็นตัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งอานิสงส์แก่ SMEs ของมหานครโตเกียวซึ่งมีจำนวนกว่า 400,000 ราย และส่งผลดีต่อประเทศที่เป็นคู่ค้าของญี่ปุ่นรวมทั้งประเทศไทย ทั้งนี้งบประมาณปี 2558 (1 เม.ย. 58 –31 มี.ค. 59) ของมหานครโตเกียว (ไม่รวมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง) เป็นเงินประมาณ 1.90 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณปี 2558 ของไทยเป็นเงิน 2.57 ล้านล้านบาทนายอาทิตย์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) โทร. 0 2202 4426-7