กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--IR network
บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) วางเป้ารายได้ 3,000 ล้านบาท ยอดขาย 4,500 ล้านบาท เปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี ”58 พร้อมเปิดตัวพันธมิตร “บี.กรีม.เพาเวอร์” ร่วมทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม หวังสร้าง Economy of Scale ก่อนขยายแนวรบสู่ “โซลาร์ รูฟ” ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบ้านของลูกค้า หนุนรายได้ในอนาคตของ SENA เติบโตอย่างยั่งยืน โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1/58 กำไรสุทธิ 75.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มองแนวโน้มตลาดในช่วงครึ่งปีหลังยังโตต่อเนื่อง อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง-ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังกดดัน บีบผู้ประกอบการระมัดระวังการลงทุน หันมาเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้สถาบันการเงินคุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ และเป็นแรงส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯจำเป็นต้องระมัดระวังในการลงทุน ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยหันมาเจาะกลุ่มลูกค้า(Segment) มีกำลังซื้อสูง และผู้ประกอบการมีความชำนาญในตลาดนั้นๆ
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเตรียมขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีระดับรายได้ประมาณ 100,000 บาท (กลุ่มลูกค้าB+) อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯฝั่งตะวันตกมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท
และเตรียมงบประมาณไว้สำหรับการจัดซื้อที่ดินจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินใหม่ ขณะที่ Backlog ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2559
นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ SENA แล้ว ล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือธุรกิจกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการลงทุน ภายหลังจากบอร์ดได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารไปศึกษาแนวทางในการขยายการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อต่อยอดธุรกิจ และ บี.กริม เพาเวอร์ ถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานชั้นนำของโลก ทำให้บริษัท ตัดสินใจร่วมลงทุนธุรกิจ Solar Farm โปรเจคแรกนี้ร่วมกับทาง บี.กริม เพาเวอร์ และมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการทำธุรกิจพลังงานทดแทนขนาดใหญ่ เพื่อสร้าง Economy of Scale นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้บ้านในโครงการของเสนา ด้วย Solar Rooftop
"เป้าหมายหลักในการลงทุนธุรกิจ Solar Farm จริงๆ แล้วก็เพื่อต่อยอดไปยัง Solar Rooftop ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเสนา การทำ Solar Farm จะทำให้ประหยัดต้นทุน ได้ราคาแผงโซล่าร์ที่ถูกลง อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดธุรกิจ Recurring Income ของบริษัท สร้างผลตอบแทนและรายได้ที่สม่ำเสมอ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมด้านพลังงานทดแทน รัฐจะรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด กำหนดให้ราคาเป็นแบบ Feed In Tariff ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย (KW/H) เป็นระยะเวลา 25 ปี ทำให้เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับลูกบ้าน และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท"ผศ.ดร.เกษรากล่าวในที่สุด
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2558 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 มีรายได้รวม 517.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 375.65 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 75.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 33.11 ล้านบาท