กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
วันนี้ (๘ มิ.ย. ๕๘) เวลา ๑๔.๔๕ น. พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีปิดโครงการ “พัฒนาศักยภาพสตรีตามวิถีอิสลามใน ๑๔ จังหวัดภาคใต้” ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวและสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๗ – ๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ห้องปรินซ์ บอลรูม ๓ ชั้น ๑๑ อาคาร ๑ โรงแรม ปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพ
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่าโครงการพัฒนาศักยภาพสตรีตามวิถีอิสลามใน ๑๔ จังหวัดภาคใต้เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว(สค.)และสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย(UNDP)เป็นโครงการต่อเนื่อง ๓ ปี ระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๖ - ๒๕๕๘ ซึ่งริเริ่มมาจากผู้แทนสตรีมุสลิมมีความต้องการให้สตรีมุสลิมในภาคใต้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนให้เป็นที่ยอมรับในสังคม โดยในช่วงเริ่มต้นโครงการฯ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติได้เข้าพบจุฬาราชมนตรีเพื่อนำเรียนความเป็นมาของโครงการและขออนุญาตดำเนินงานโครงการ ซึ่งจุฬาราชมนตรีได้ให้คำแนะนำและสนับสนุนให้สตรีมุสลิมได้มีบทบาทในการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศ ซึ่งการดำเนินงานของโครงการดังกล่าว ได้จัดอบรมและมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพสตรีมุสลิม เช่น การสร้างความเข้าใจและการยอมรับเรื่องความเสมอภาคและบทบาทเกื้อหนุนระหว่างหญิงชาย การพัฒนาศักยภาพเพื่อการเป็นผู้นำการพัฒนาในระดับชุมขน การเตรียมความพร้อมเพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง การเขียนโครงการเพื่อเสนอขอทุนในการดำเนินงานโครงการของสมาคมฯ รวมทั้งจัดให้มีการประชุมพบปะระหว่างแหล่งทุนและสตรีมุสลิมเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีโอกาสนำเสนอโครงการพัฒนาต่างๆ แก่หน่วยงานสนับสนุนเงินทุน
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า ผลลัพธ์ของโครงการที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ การก่อเกิด “สมาคมสตรีมุสลิมภาคใต้” ซึ่งเป็นสมาคมในระดับภาค และขยายเครือข่ายองค์กรสตรีมุสลิมไปยังระดับจังหวัดโดยก่อตั้งสมาคมสตรีมุสลิมในระดับจังหวัดอีก ๗ จังหวัด เริ่มจากจังหวัดที่มีศักยภาพมีความพร้อมด้านบุคลากรและเครือข่าย ซึ่งการจัดตั้งสมาคมสตรีมุสลิมในระดับจังหวัดล้วนได้รับการสนับสนุนจากกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ได้แก่ ๑) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดนครศรีธรรมราช ๒) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดกระบี่ ๓) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดปัตตานี ๔) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดสงขลา ๕) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดยะลา ๖) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดระนอง และ ๗) สมาคมสตรีมุสลิมจังหวัดภูเก็ต สำหรับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วยเอกอัครราชทูตของกลุ่มประเทศนับถืออิสลามประจำประเทศไทย ผู้แทนจากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ผู้แทนคณะกรรมการอิสลามกลางแห่งประเทศไทย ผู้แทนคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเครือข่ายสตรีมุสลิมจาก ๑๔ จังหวัดภาคใต้ ผู้แทนเครือข่ายสตรีมุสลิมจากจังหวัดในภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก
“โครงการพัฒนาสตรีมุสลิมตามวิถีอิสลามใน ๑๔ จังหวัดภาคใต้นี้ เป็นโครงการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาคน เพราะการพัฒนาคนให้มีความรู้ ความสามารถและมีความมั่นใจในตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ระยะเวลา และความอดทนของผู้เข้ารับการอบรม ซึ่งโครงการฯดังกล่าว สามารถผลักดันให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาตนเอง และชุมชน นอกจากนี้ยังมีการขยายเครือข่ายลงไปสู่ในระดับตำบลได้อีกด้วย ทั้งนี้สตรีมุสลิมที่เข้าร่วมโครงการฯ และมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆ ด้วยกัน สามารถขับเคลื่อนศักยภาพของตนเองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้เข้าร่วมอบรมนำประสบการณ์ของตนเองไป เพื่อรวมพลังของสตรีมุสลิมให้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาในภาคใต้ต่อไป” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย