กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--Ericsson
- เทคโนโลยี 5G จะถูกนำมาใช้เพื่อให้ความปลอดภัยและเพิ่มการผลิตในสภาพการทำงานที่อันตราย
- โครงการนำร่องนี้เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท Ericsson บริษัท ABB บริษัท Boliden บริษัท SICS Swedish ICT และบริษัท Volvo CE โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่นั่นคือ 5G for Sweden
Ericsson กำลังเตรียมพร้อมเปิดตัวโครงการที่จะใช้เทคโนโลยี 5G สำหรับการสื่อสารและปฏิบัติการที่ต้องใช้การควบคุมจากระยะไกล โดยโครงการที่เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทสัญชาติสวีเดนต่างๆ นี้มีเป้าหมายเพื่อที่จะเพิ่มความสามารถในการผลิตและความปลอดภัยในอุตสาหกรรมการทำเหมืองของสวีเดน
ในช่วงแรกของโครงการนี้ ระบบการสือสารในรูปแบบ 5G นั้นจะมีการใช้เทคโนโลยีทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับการควบคุมรถบรรทุกวอลโว่จากระยะไกลเพื่อการขนส่งแร่ของเหมืองในเครือบริษัท Boliden
โครงการที่เป็นโครงการนำร่องสำหรับการสื่อสารโมบายเพื่ออุตสาหกรรมในการทำเหมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 5G for Sweden
หลังจากที่ทาง Ericsson ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โครงการ 5G for Sweden ก็ได้การดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้รวบรวมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักๆ ในอุตสาหกรรมต่างๆอันได้แก่มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่างๆ โดยมีจุดประสงค์คือการพัฒนาโซลูชั่น ICT จากมาตรฐาน 5G
โครงการนำร่องในอุตสาหกรรมการทำเหมืองนี้เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท Ericsson บริษัท ABB บริษัท Boliden บริษัท SICS Swedish ICT และบริษัท Volvo Construction Equipment โดยมีเป้าหมายในการหาโซลูชั่นที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมที่ถูกมองว่ามีสภาพการทำงานที่อันตรายและท้าทาย
การใช้เทคโนโลยี 5G ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการด้านศักยภาพและความน่าเชื่อถือในระดับสูงนี้ได้จะช่วยให้เหมืองแร่ต่างๆสามารถเพิ่มการผลิตและในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ที่ทำงานในเหมืองแร่นั้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
คุณทอร์บยอร์น ลันดาลห์ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการ5G for Sweden ให้สัมภาษณ์ว่า ให้สัมภาษณ์ว่า "ความสำเร็จในการเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้จริงนั้นจะสามารถช่วยให้พนักงานมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การที่มีเครื่องไม้เครื่องมือและเครื่องจักรที่เชื่อมต่อถึงกันนั้นจะทำให้สามารถใช้คนที่ต้องทำงานอยู่ใต้ดินได้น้อยลง การประยุกต์การทำงานบนดินและใต้ดินอย่างแนบเนียนเข้าด้วยกันจะช่วยเพิ่มการผลิตและทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้สามารถดูแลและควบคุมจากระยะไกลได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน"
คุณมิเคล วัลเธอร์ ผู้จัดการด้านระบบเทคโนโลยีของบริษัท Boliden กล่าวว่า "เรานั้นพยายามที่จะปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำงานของเราอยู่เสมอและเราก็เห็นแล้วถึงประโยชน์ที่ได้จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำเหมือง ผมอยากจะเห็นเห็นผลลัพธ์ที่เกิดจากโครงการนี้จริงๆ" คุณซาร่า มาซูร์ ประธานและหัวหน้าฝ่ายการวิจัยของ Ericsson ก็กล่าวเช่นเดียวกันว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำวิจัยในเรื่องปัญหาที่ท้าทายของอุตสาหกรรมการทำเหมือง แนวคิดหลักๆ คือเราพยายามดูว่ามีส่วนไหนในการทำเหมืองที่เราสามารถปรับปรุงได้ด้วยการใช้การสื่อสารเคลื่อนที่ ซึ่งแนวคิดนี้ตรงกับวิสัยทัศน์เรื่องสังคมเครือข่ายของ Ericsson ที่ว่าทุกอย่างที่สามารถได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อก็จะได้รับประโยชน์เช่นนั้นจริง"
โครงการ 5G for Sweden นั้นถูกออกแบบมาเพื่อผลักดันการเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยจะเสริมสมรรถภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมประเทศสวีเดนผ่านการพัฒนาและประยุกต์ใช้โซลูชั่น ICT ต่างๆ เข้ากับสินค้าและบริการต่างๆ ที่มีพื้นฐานบนเทคโนโลยี 5G อย่างได้ผล
คุณบัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ อีริคสันประเทศไทย กล่าวเสริมว่า โครงการ 5G for Sweden นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยี 5G มาปรับใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมเข้าสู่ สังคมแห่งเครือข่าย หรือ Networked Society อย่างแท้จริง ที่อุปกรณ์ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเรานั้นจะสามารถเชื่อมต่อสือสารกันและสร้างคุณค่าให้กับ ภาคธุรกิจ และการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคมในทุกๆด้าน และที่สำคัญโครงการนี้จะกระตุ้นให้มีการวิจัยที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างโครงการวิจัยใหม่ๆ รวมถึงสร้างโครงการนำร่องอุตสาหกรรมของโซลูชั่น 5G ที่เป็นไปได้อีกต่อไปในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้ Ericsson ยังเป็นผู้นำในโครงการของยุโรปต่างๆ เช่น โครงการ METIS (Mobile and wireless communications Enablers for Twenty-twenty (2020) Information Society) และเป็นแรงผลักดันให้กับโครงการ 5G PPP หรือ 5G Infrastructure Public-Private Partnership ที่ซึ่งผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการและผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเช่นยานยนต์ สาธารณูปโภคและการทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติเข้ามามีส่วนร่วมทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด คุณบัญญัติ กล่าวเพิ่มเติม
เทคโนโลยี 5G นั้นคาดว่าจะเริ่มมีการนำมาใช้เชิงพาณิชย์ในปี 2020 ซึ่ง Ericsson เชื่อว่าในปีดังกล่าวจะมีเครื่องมือเชื่อมต่อกันกว่า 26,000 ล้านเครื่องทั่วโลกโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นแบบสื่อสารเครื่องจักรสู่เครื่องจักร (machine-to-machine หรือ M2M)
เครือข่าย 5G จะทำให้เกิดการใช้งานใหม่ๆ เช่นบริการอินเตอร์เน็ตรอดแบนด์เคลื่อนที่ใหม่ การสื่อสารแบบ M2M และการกระจายสื่อในแบบต่างๆ โดยบริการเหล่านี้นั้นล้วนมีความต้องการประสิทธิภาพของเครือข่ายที่หลากหลายด้วยกัน