กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--IR PLUS
JMART - SINGER ประกาศเป็นพันธมิตรร่วมมือครั้งใหญ่ ภายหลัง JMART เข้าถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 24.99% “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” แม่ทัพใหญ่ JMART เผย เตรียมเปิดช็อปขายมือถือในโชว์รูมของ SINGER 50 สาขาในไตรมาศ 3 และ 4 ของปีนี้ และเป็น 100 สาขา ในปีหน้า โดยประมาณยอดขาย 100 ล้านบาท ในปีนี้ และ 1,000 ล้านบาท ในปีหน้า ส่วน JMT จะเข้ามาช่วยบริหารหนี้เสียของ SINGER พร้อมเจาะฐานลูกค้ารากหญ้า ด้าน “บุญยง ตันสกุล” หัวเรือใหญ่ SINGER เผย บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งในเรื่องของทีมผู้บริหาร การดำเนินธุรกิจที่ยาวนาน 126 ปี ช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ การได้พันธมิตรใหม่อย่าง JMART เข้ามา จะช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าหลักของ SINGER ผ่านเครือข่ายของทาง JMART ให้ครอบคลุมตลาดในเมืองมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีในเรื่องรายได้และกำไรให้เติบโดได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างประชุมความร่วมมือต่าง ๆ ร่วมกัน เชื่อว่าสามารถสร้างความแข็งแกร่งทั้งสองฝ่ายในอนาคต
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ผู้ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้ง ธุรกิจบริหารหนี้ และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ เปิดเผยถึงแผนธุรกิจภายหลังเข้าถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 (24.99%) ของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER แทนกลุ่มSINGER (THAILAND) B.V. ที่เดิมถือหุ้น SINGER 40% มองว่าเป็นการผสานทางธุรกิจที่จะเกื้อหนุนกันทั้ง JMART และ SINGER ให้เติบโตยิ่งขึ้นไปในอนาคต
ทั้งนี้ จากการที่ SINGER มีเครือข่ายการขายทั่วประเทศ ซึ่งมีความเข็งแกร่งมาก เชื่อว่าจะเกื้อหนุนธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือของ JMART ให้มีช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นและกลุ่มลูกค้าที่หลาก หลาย จากปัจจุบัน JMART มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 255 สาขา โดยในช่วงเริ่มต้น บริษัทฯ จะเข้าไปเปิดช็อปในโชว์รูมของ SINGER ราว 5 – 10 สาขาก่อน ในไตรมาส 3 และจะเปิดเต็ม 50 สาขาในไตรมาส 4 ปีนี้ และจะเป็น 100 สาขา ในปีหน้า โดยประมาณยอดขายจากการเปิดสาขาดังกล่าว 100 ล้านบาท ในปีนี้ และ 1,000 ล้านบาทในปีหน้า โดยพิจารณาสาขาในทำเลที่เหมาะสม นอกจากนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT จะมีรายได้ส่วนเพิ่มจากการรับจ้าง SINGER เก็บหนี้ อีกทั้ง จะช่วยให้รุกสู่ธุรกิจใหม่สินเชื่อบุคคล (Personal Loans) ผ่านฐานลูกค้า SINGER ที่เป็นลูกค้าระดับรากหญ้า เนื่องจาก SINGER มีธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อส่วนบุคคล ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท ซิงเกอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
อย่างไรก็ตาม มองว่าธุรกิจหลังของ JMART ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากตลาดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงสินค้ารุ่นใหม่ๆ ที่ทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT มีแนวโน้มการเติบโตสูง รวมทั้ง ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ JAS ASSET ที่อยู่ระหว่างยื่นแบบคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าทำการซื้อขายได้ภายในปีนี้ จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้ JMART GROUP จึงประเมินผลงานทั้งปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตอีก 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 8,956.98 ล้านบาท
“เราวางเป้าหมายร่วมกัน คือการที่เห็น JMARTและ SINGER เติบโตแข็งแกร่งในอนาคต โดย JMART จะค่อยๆ เริ่มเข้าไปเปิดช็อปขายมือถือในโชว์รูมของ SINGER โดยพิจารณาจากทำเลที่เหมาะสม และลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งในสาขาขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ รวมถึงช่องทางการขายผ่านทีมพนักงานของ SINGER ทีมีอยู่มากมายกว่า 3 พันคน นอกจากนี้ ปัจจุบัน SINGER มี NPL ที่คาดว่าจะกลายเป็นหนี้เสียอยู่บางส่วน ซึ่งจะได้ JMT มาช่วยในเรื่องการบริหารหนี้เสียต่อไป สำหรับ JMT Plus บริษัทย่อยของ JMT ก็ได้ประโยชน์ในเรื่องของฐานลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งของ SINGER ในการปล่อยสินเชื่อ และนาโนไฟแนนซ์ จึงถือว่าการเข้าถือหุ้น SINGER ในครั้งนี้ สร้างโอกาสใหม่ๆ ที่ดีร่วมกันมากมาย และยืนยันจะไม่มีการซื้อหุ้น SINGER เพิ่ม รวมถึงจะไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหาร จะยังคงให้ทีมบริหารของ SINGER ทำหน้าที่ต่อไป เนื่องจากทีมผู้บริหารมีความสามารถและประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงต่อจากนี้ จะอยู่ในช่วงหารือร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย และ JMART ยังคงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มด้วยการลงทุนในกิจการที่สามารถ Synergy พร้อมทั้งเอื้อประโยชน์ร่วมกันต่อเนื่องอีก หากเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี และผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์สูงสุด” นายอดิศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ JMART เข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) จาก SINGER (THAILAND ) B.V. จำนวน 67,499,900 หุ้น หรือ 24.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 270,000,000 หุ้น เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558 ในราคาหุ้นละ 14.00 บาท คิดเป็นมูลค่า 944,998,600 บาท การเข้าซื้อหุ้น SINGER ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด ซึ่งเงินดังกล่าวมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเชิงพาณิชย์ โดยให้เช่าซื้อพร้อมบริการหลังการการขายถึงบ้าน มีเครือข่ายการขายครอบคลุมตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผู้ถือหุ้นครั้งนี้ มิได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อทีมผู้บริหาร ธุรกิจหลัก หรือการบริหารดำเนินงาน บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจเช่าซื้อ จำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “ซิงเกอร์” ให้มีความเข้มแข็ง ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะใช้ช่องทางของ JMART จำหน่ายสินค้า SINGER เพื่อลดต้นทุนโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม โดยจะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า SINGER ไปสู่ช่องทางต่างๆ ของ JMART ที่มีอยู่ทั้งหมด ทำให้บริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เป็นร้านสาขาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวคือ จากราว 200 สาขา เป็นกว่า 400 สาขา นอกเหนือจากมีสาขาใน MAKRO ที่ปัจจุบันมีอยู่แล้วกว่า 20 สาขา ผนวกเข้ากับจุดแข็งของ SINGER ซึ่งมีความแข็งแกร่งจากการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน มีสินค้าที่หลากหลาย มีเครือข่ายและช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทฯ มีพนักงานขายตรงที่มีกว่า 3 พันคน
การที่ได้มีพันธมิตรใหม่อย่าง JMART เข้ามา จะเป็นผลดีกับบริษัท เพราะทาง JMART มีความชำนาญในธุรกิจค้าปลีกตัวแทนจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริมต่างๆ มีธุรกิจติดตามหนี้ของ JMT เรามองว่า JMART จะเป็นพันธมิตรที่เข้ามาช่วยพัฒนาระบบต่างๆของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง ช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และกำไรมากขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ใช้บริการ JMT ในเรื่องการช่วยเหลือติดตามหนี้เสียบางส่วนของลูกค้าอยู่แล้ว และมองว่าหัวใจของธุรกิจเช่าซื้อ คือการมีระบบบริหารบัญชีลูกหนี้ที่ดี ในส่วนนี้ JMT มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูงมีเครือข่าย และมีระบบการจัดการที่ดี จึงเชื่อว่าจะเข้ามาสนับสนุนให้ SINGER มีการบริหารจัดการส่วนนี้ได้ดียิ่งขึ้น และอาจมีการใช้บุคลากรร่วมกัน เพื่อที่จะสามารถช่วยลดต้นทุนบุคลากรที่ใช้จัดเก็บหนี้ของบริษัทฯ และลดการเกิดหนี้เสียได้ในอนาคต จากปัจจุบัน SINGER มี NPL อยู่ที่ 6.5% อีกทั้ง สินค้าประเภทตู้จำหน่ายสินค้าหยอดเหรียญของ SINGER จะเข้าไปอยู่ใน IT Junction ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าของ JMART Group ซึ่งจะช่วยขยายการเติบโตของ SINGER ได้เป็นอย่างดี
“SINGER มีการประกอบธุรกิจและประเภทของสินค้าที่คล้ายกับสินค้าของ JMART Group จึงมองว่า เราจะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้อีกมากมาย สำหรับ SINGER เราใช้ช่องทางการขายที่มีอยู่จำนวนมาก สนับสนุนให้ JMART นำเสนอสินค้าและบริการต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผ่านฐานลูกค้าในต่างจังหวัดของเรา เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของ JMART อยู่ในเมือง สำหรับฐานลูกค้าของ JMART ซึ่งเรามีอยู่น้อยมาก สิ่งที่เราคาดว่าจะทำในช่วงต่อจากนี้ ก็คือ การจัดแคมเปญหรือโปรโมชั่นบางอย่างที่สามารถทำร่วมกันได้ เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ซึ่งกันและกัน และเป็นอีกช่องทางในการสร้างยอดขายที่ดีในอนาคต คาดว่าจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วง Q4/58 เป็นต้นไป เราจึงคาดว่าในปีนี้ SINGER จะยังมีการเติบโตที่ดีจากธุรกิจหลักของเรา โดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5-10 % จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,440 ล้านบาท” นายบุญยง กล่าว
นายบุญยง กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ SINGER ยังมีบริษัทย่อยที่สามารถต่อยอดธุรกิจร่วมกันกับ JMART Group ได้แก่ บริษัท ซิงเกอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อสินค้าของบริษัทฯ และสินค้าอุปโภค บริโภคอื่น ๆ, บริษัท ซิงเกอร์เซอร์วิสพลัส จำกัด ประกอบธุรกิจบริการดูแลลูกค้าหลังการขาย และ บริษัท ซิงเกอร์ (โบรกเกอร์) จำกัด ประกอบธุรกิจขายประกันชีวิต ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจย่อยนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกันว่า จะร่วมมือกันอย่างไรเพื่อต่อยอด JMART Group และ SINGER ให้แข็งแกร่งขึ้นได้