กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล. โกลเบล็ก ระบุดัชนีตลาดหุ้นไทย มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ให้กรอบแนวต้านที่ระดับ 1,520-1,540 จุด ชี้ แผนการชำระหนี้ของกรีซ คลายความกังวล ขณะที่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลเชิงบวกต่อภาคการลงทุนด้านเศรษฐกิจ แนะกลยุทธ์การลงทุน ในกลุ่มพลังงาน ( PTT PTTEP TOP PTTGC) เหตุได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดีดตัว
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,520 – 1,540 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซ หลังจากเยอรมนีอาจยอมรับเงื่อนไขการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ อย่างน้อย 1 เงื่อนไข ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซ เพื่อไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้ IMF ราว 1,600 ล้านยูโรในเดือนมิถุนายน รวมถึงการถูกบีบออกจากสมาชิกยูโรโซน
อีกทั้งปัจจัยบวกภายในประเทศก็มีส่วนในการสนับสนุนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนี โดยเฉพาะที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ยืนยันเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสาย สีส้มตามแนวเดิมผ่านประชา สงเคราะห์-ศูนย์วัฒนธรรม ไม่ใช่แนวใหม่ที่จะผ่านดินแดง-พระราม 9 ทำให้สามารถเดินหน้าต่อได้เลยหลังจากทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เนื่องจากได้ทำการศึกษา EIA ไว้แล้ว
รวมทั้งคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปการท่องเที่ยวปี 2558-2560 ซึ่งวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เพิ่มจาก 2.2 ล้านล้านบาท เป็น 2.5 ล้านล้านบาท โดยจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนสิ้นเดือนนี้ และทางกสทช.ย้ำ 11 พ.ย.เปิดประมูล 4G ตามแผน
และด้านมูดี้ส์ ยืนยันว่า ภาพรวมด้านอันดับเครดิตของกลุ่มธนาคารไทยจะยังคงมีเสถียรภาพในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า แต่ก็ยังต้องเผชิญสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ท้าทายขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่ขยายตัวได้ต่ำ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กดดันการบริโภค ซึ่งจะฉุดให้สินทรัพย์ของธนาคารด้อยค่าลงมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามผลการประชุม FED ในวันที่ 16-17 มิถุนายนนี้ ว่าจะมีความเห็นเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างไร หลังจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯทรงตัวระดับต่ำที่ 5.5% และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งหาก FED มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้จะกระทบต่อ Fundflow การลงทุนทั่วโลก
โดยธนาคารโลก (World Bank)ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.8% จากเดิม 3% และระบุว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ซึ่งเช่นเดียวกับธนาคารกลางจีนปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนสำหรับปี 2558 เนื่องจากมีแรงกดดันช่วงขาลงมากขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ในช่วง 6 เดือนก่อนที่ 7.1% นอกจากนี้ยังได้ปรับลดคาดการณ์ CPI ปี 58 เหลือ 1.4% จากเดิม 2.2%
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนว่า SET ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,520 – 1,540 จุด จึงแนะนำลงทุนในกลุ่มที่มีประเด็นรองรับ เช่น กลุ่มพลังงาน ( PTT PTTEP TOP PTTGC) ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดีดตัว
นอกจากนี้กลุ่มโรงแรมและขนส่ง (AOT CENTEL MINT) จากข่าวการท่องเที่ยวฯเตรียมชง ครม.อนุมัติแผนยุทธศาสตร์ปี 2558-60 ตั้งเป้ารายได้ 2.5 ล้านล้านบาท, กลุ่มธนาคาร (KBANK KTB SCB BBL) กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ทำให้คาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบถัดไป BLA,TPIPL, WHA, SUPER, ITD, BA, SAWAD ประกาศ 15 มิถุนายนนี้
ด้านนักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาแรง หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐเดือนพ.ค.ขยายตัวแตะ 52.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.และสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด และภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ราย ซึ่งได้สร้างความกังวลว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งแม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลง 0.7% จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 0.2% ก็ตาม
อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลกรีซได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อ IMF เพื่อขอเลื่อนการชำระหนี้งวดเดือนมิ.ย. โดยจะขอจ่ายรวมหนี้ที่ต้องชำระคืน 4 งวดทีเดียว รวมเป็นเงิน1,600 ล้านยูโร และขอเลื่อนกำหนดจ่ายไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย. โดยที่แผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่กรีซนำเสนอยังไม่ได้รับการยอมรับจากทาง EU รวมถึงตัวเลขด้านตลาดแรงงานของสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่งยังสร้างความกังวลต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ยังเป็นปัจจัยที่กดดันต่อทิศทางของราคาทองคำ
ดังนั้นประเมินว่าเมื่อราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้นมายืนเหนือแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันได้อีกครั้ง ด้วยการสร้างแนวเรียงตัวขาขึ้นแท่งเทียนในรูปแบบของฐาน V-SHAPE การสร้างรูปแบบหลังจากลงมาจบแนวลง BEARISH FLAG ที่ซ้อนกันถึง 2 ครั้ง แสดงถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันเริ่มปรับขึ้นหาเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน และค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวก ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดสัญญาณ GOLDEN CROSS อีกครั้ง ซึ่งจะช่วยสร้างแรงหนุนให้ราคามีโอกาสปรับขึ้นต่อตามแนวรูปแบบ V-SHAPE มากขึ้น จึงแนะนำกลยุทธ์ ทยอยเลือกเปิดสถานะ Long Gold Futures ในทุก Series เพื่อเล่นรอบทำกำไรในทิศทางของขาขึ้นรอบใหม่แนวรับ 1,170-1,160 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ส่วนแนวต้าน 1,200-1,210 เหรียญต่อทรอยออนซ์