กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สถานีโทรทัศน์ช่อง8
หลังจากที่ในหลวงทรงมีพระราชดำริทรงห่วง นกแต้วแล้วท้องดำ ซึ่งเป็นนกประจำถิ่นที่กำลังจะสูญพันธุ์ไปจากป่าเมืองไทย จึงทำให้หลายฝ่ายต่างออกมาช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนไทยได้เห็นความสำคัญพร้อมช่วยกันป้องกันไม่ให้นกแต้วแล้วท้องดำต้องสูญพันธุ์ไป ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 มิ.ย.58 นายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ สัตวแพทย์ประจำคลินิกสัตว์เลี้ยงพิเศษ โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มาเปิดใจถึงโอกาศการสูญพันธุ์พร้อมแนวทางการช่วยนกแต้วแล้วท้องดำไม่ให้ตหมดไปจากเมืองไทยในรายการ ปากโป้ง ที่มี หนุ่ม-กรรมชัย กำเนิดพลอย และ เข็ม-ลภัสลดา ช่วยเกื้อ เป็นพิธีกรว่า
“สำหรับนกแต้วแล้วท้องดำนั้นเป็นนกประจำถิ่นโดยในโลกนี้พบเพียง 2 ประเทศเท่านั้นคือประเทศไทยและพม่า โดยในประเทศไทยนั้นจะพบที่อำเภอคลองถม จังหวัดกระบี่ นกแต้วแล้วท้องดำนั้นถือว่าเป็นนกที่สวยงามมากจนได้ชื่อว่า อัญมณีกลางพื้นป่า เพราะในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้และมีแสงส่องลงมาน้อยมากแต่เมื่อได้เจอนกแต้วแล้วท้องดำเดินอยู่มันจึงเป็นสิ่งที่สวยงามมาก สำหรับจำนนวนนกแต้วแล้วท้องดำในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2529 เท่าที่นักสำรวจจดบันทึกไว้นั้นมี 50 ตัว จนมาถึงปี 2546 ลดเหลือจำนวน 30 ตัว จนกระทั่งปี 2556 เหลือเพียง 1 ตัว ซึ่งจากวันนั้นถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าเหลืออีกหรือเปล่าหรือว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว”
“นกแต้วแล้วในประเทศไทยมีทั้งหมด 10 ชนิดอาทิ แต้วแล้วธรรมดา,แต้วแล้วอกเขียว,แต้วแล้วท้องดำ ฯลฯแต่ที่เรากำลังเป็นห่วงตอนนี้คือแต้วแล้วท้องดำที่ตอนนี้ต้องบอกว่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ แต่ชนิดอื่นก็ไม่ใช่ว่าจะมีจำนวนเยอะก็มีปริมาณจำนวนลดน้อยลงไปพอสมควร โดยสาเหตุสำคัญของการเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์คือพื้นที่ถูกทำลาย นกแต้วแล้วบางชนิดมาเพียงแค่วางไข่แล้วก็บินกลับหรือว่าหายไป แต่นกแต้วแล้วท้องดำเป็นนกประจำถิ่นที่อยู่ในระดับน้ำทะเล 100-200 เมตรซึ่งในระดับนี้มันใช่มีแค่นกแต้วแล้วท้องดำเท่านั้นยังมีสัตว์ประเภทอื่นอีกอย่าง ไก่ฟ้า,สมเสร็จ ฯลฯถ้าเราทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยของนกแต้วแล้วท้องดำไว้ได้ก็สามารถที่จะช่วยรักษาสัตว์ชนิดอื่นๆให้อยู่ได้เหมือนกัน”
น.สพ.เกษตร กล่าวต่อว่า “การถูกทำลายของป่าซึ่งเป็นที่วางไข่ของนกแต้วแล้วนั้นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นกเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ส่วนเรื่องที่มีคนถามว่าทำไมไม่นำเอามาเพาะพันธุ์ต้องบอกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วสามารถที่จะทำได้แต่ปัจจุบันนี้บอกเลยว่ายากมากเพราะตอนนี้แม้แต่ได้ยินเสียงร้องยังแทบจะหาไม่ได้เลย ตอนนี้บอกเลยว่ามันช้าเกินไปแล้วตอนนี้ต้องช่วยกันป้องกันพื้นที่ของป่าเพื่อที่จะให้นกที่แอบซ้อนได้มีโอกาสกลับมาเจอกันหรือว่ากลับมาสืบสายพันธุ์กันเหมือนเดิมเพราะที่ผ่านมาแหล่งวางไข่ของนกถูกทำลายแต่ถ้าเราช่วยกันป้องกันและช่วยกันฟื้นฟูอาจจะทำให้นกแต้วแล้วท้องดำที่แอบหรือหลบซ่อนอยู่กลับมาที่เดิม”
“ตอนนี้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชร่วมกับสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทยได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจและค้นหาตั้งแต่ต้นปีแต่ก็ได้เจอเพียงแค่เสียงยังไม่เจอตัวเหมือนกัน ความจริงแล้วแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนรู้จักคือถ้ำมรกตที่นักท่องเที่ยวทุกคนรู้จักดีนั้นเป็นแหล่งวางไข่ของนกแต้วแล้วท้องดำแต่การที่นักท่องเที่ยวเข้าไปในนั้นถือว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ของเขา ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในถ้ำมรกตเป็นแสนคนซึ่งการเข้าไปแบบนั้นก็จะเป็นการเข้าไปรบกวนแหล่งที่อยู่อาศัยของเขาก็เลยจะส่งผลกระทบพอสมควร ดังนั้นตอนนี้อยากกจะขอร้องให้ทุกคนช่วยกันทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อช่วยกันอนุรักษ์นกแต้วแล้วท้องดำไม่ให้สูญพันธุ์ โดยฉพาะคนที่จังหวัดกระบี่ต้องภาคภูมิใจที่นกชนิดนี้เป็นสิ่งที่อยู่ที่นี้ ดังนั้นต้องช่วยกันและดูแลกันประชาชนต้องเข้ามาช่วยกันดูแลเพราะถ้าไม่ช่วยกันก็อาจจะหมดไป เลยอยากจะขอร้องให้ช่วยเหลือกันหรือถ้านักท่องเที่ยวหรือคนพื้นที่พบเจอนกชนิดนี้สามารถโทรมาบอกได้ที่ สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย โทร. 02-588-2277,086-376-6824 ถ้าทุกคนช่วยกันจะได้มีไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดู”