กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา แจ้งว่ายังไม่มีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 เน้นย้ำให้ผู้ที่เดินทางเข้าออกพื้นที่เสี่ยง อาทิ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ รวมถึงเกาหลีใต้ ทั้งประกอบพิธีศาสนา ท่องเที่ยว ทำงาน ศึกษา ติดต่อธุรกิจ ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า พื้นที่เขต 12 รวมถึง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อเมอร์ส เนื่องจากมีชาวไทยมีมุสลิมเดินทางไปมา ประเทศแถบตะวันออกกลางอาทิ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่พบการระบาดของโรค เพื่อไปประกอบพิธีศาสนา ท่องเที่ยว ทำงาน ศึกษา ติดต่อธุรกิจตลอดทั้งปี และล่าสุดมีการระบาดหลายจุดในประเทศเกาหลีใต้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่เดินทางไปพื้นที่เหล่านี้ดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้นำโรคกลับมาติดต่อคนใกล้ชิดในครอบครัว และผู้ดูแลขณะป่วย
การติดต่อโรคนี้ เป็นการติดต่อจากคนสู่คนเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ดูแลใกล้ชิด แพทย์ พยาบาล และผู้สัมผัสใกล้ชิด และในผู้ป่วยบางรายมีประวัติสัมผัสกับอูฐ และดื่มน้ำนมดิบจากอูฐ สําหรับการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนสามารถแพร่ผ่านทางเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยจากการไอ จาม และสัมผัสใกล้ชิด กับผู้ป่วยโดยมิได้มีการป้องกันตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาล โรคนี้มีระยะเวลาฟักตัว 2 -14 วัน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ เมอร์ส มักมีอาการไข้ ไอ และบางรายมีอาการ ท้องร่วง ร่วมด้วย บางรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการไข้ หายใจหอบเหนื่อย และปอดบวม
ดร.นายแพทย์สุวิช กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่จะเดินทางไปไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงหรือมีการระบาดขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อห้ามในการเดินทาง แต่ขอให้เคร่งครัด การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ควรปฏิบัติตัวดังนี้ หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาการไอจาม ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปสัมผัสกับอูฐ หรือดื่มนมอูฐดิบ สำหรับ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไตวาย หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ควรระวังเป็นพิเศษ ผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอหลีกเลี่ยงคลุกคลีบุคคลอื่น สวมหน้ากากป้องกันโรค ล้างมือให้สะอาด และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปประเทศเสี่ยงดังกล่าวด้วยหรือ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422