กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL ที่ ‘A-’ และ ‘AAA(tha)’ ตามลำดับ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ MTL สะท้อนถึงระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่ง และพอร์ทเงินลงทุนของบริษัทที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ อีกทั้งอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK (มีอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (IDR) ที่ ‘BBB+’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 4 ในประเทศไทย และ Ageas Insurance International N.V. หรือ Ageas (มีอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ที่ ‘A-’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) MTL ได้รับประโยชน์จากการเป็นบริษัทประกันชีวิตเพียงแห่งเดียวที่มี KBANK เป็นตัวแทนขายประกันผ่านเครือข่ายสาขาธนาคาร และได้รับการสนับสนุนในด้านเทคนิคและการดำเนินงานจาก Ageas
MTL มีระดับเงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่งมาก (“Very Strong”) ตามการประมาณการของ Prism Factor-Based Capital Model (Prism FBM) ซึ่งเป็นแบบจำลองของฟิทช์ที่ใช้ประเมินระดับความแข็งแกร่งในด้านเงินกองทุน ซึ่งพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินงานของ MTL ในปี 2557 นอกจากนี้ ฟิทช์คาดว่าผลการดำเนินงานของ MTL ในปี 2558 น่าจะยังคงสนับสนุนให้ระดับเงินกองทุนของบริษัทอยู่ในระดับแข็งแกร่งมาก จากการประมาณการของแบบจำลอง Prism FBM โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งของ MTL เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ บริษัทมีสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (Risk-based capital – RBC) ที่ 517% ณ สิ้นไตรมาส 1 ของปี 2558 ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมและอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่ 140% ทั้งนี้บริษัทไม่มีหนี้สินจากการกู้ยืมและไม่มีแผนที่จะกู้ยืมในอนาคตอันใกล้
ฟิทช์คาดว่า MTL จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับดีได้ต่อไปในอนาคต เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการกำหนดราคาที่เหมาะ สมและมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่ดี บริษัทมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เฉลี่ย 3 ปี (2555-2557) ที่ 4.1% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับบริษัทประกันชีวิตอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่องของบริษัท
MTL เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทยในด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 14.9% ในปี 2557 เพิ่มขึ้นจาก 13.6% ในปี 2556 นอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในด้านเบี้ยประกันรับใหม่ในปี 2557 ที่ 20.7% และเป็นผู้นำในส่วนแบ่งทางการตลาดด้านเบี้ยประกันรับรวมที่จำหน่ายผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคาร (bancassurance) ในปี 2557 ที่ 25%
MTL มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี โดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยตราสารหนี้ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 85% ของพอร์ทเงินลงทุนรวม และตราสารหนี้ส่วนใหญ่นั้นเป็นตราสารหนี้รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่บริษัทยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% ของพอร์ทเงินลงทุนรวม
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจมีผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและภายในประเทศถูกปรับลดอันดับ ได้แก่ การปรับตัวลดลงของสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) มาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 250% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง และการปรับตัวแย่ลงของความสามารถในการทำกำไร ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราส่วนของกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์ที่ต่ำกว่า 1% นอกจากนี้ การปรับตัวแย่ลงของระดับเงินกองทุนของบริษัทซึ่งวัดจากแบบจำลอง Prism FBM อาจเป็นปัจจับหนึ่งที่จะส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิตในอนาคต
หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency IDR) ของประเทศไทยที่
‘A-’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ถูกปรับลดอันดับ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของ MTL ก็น่าจะถูกปรับลดอันดับเช่นกัน
การปรับขึ้นอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ MTL ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทย และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศปัจจุบันก็เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว