กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--IR network
นอกเหนือจากการที่เป็นเจ้าตลาดในตลาดในประเทศแล้ว แต่รู้เหรือไม่ยอดขายส่วนใหญ่ของ TASCO มาจากตลาดต่างประเทศ บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO) ยังคงเดินหน้าบุกตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเต็มสูบ!!! หลังรัฐบาลแต่ละประเทศประกาศโรดแม็พขยายถนน รองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) "ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์"มั่นใจ ยอดขายในปี"58 ทำสถิติสูงสุดใหม่ แถมยังได้แรงหนุนจากพันธมิตรจากเกาหลี หลังผนึกกำลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสิงคโปร์ค้าขายยางมะตอย เป้ายอดขายปีนี้โต 15-20% นอนมา โรงงานพร้อม-ระบบโลจิสติกส์ทั้งทางเรือ-รถยนต์ พร้อมเสิร์ฟลูกค้าได้ทันตามออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างเทน้ำเทท่า
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคประกาศโรดแม็พการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการสร้างถนน เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณการค้าขายที่จะเพิ่มมากขึ้น ภายหลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะมีขึ้นในปลายปี 2558 โดยเฉพาะในประเทศ เวียดนามและอินโดนีเซีย โดยหัวใจสำคัญของการเติบโตในตลาดต่างประเทศนั้นอยู่ที่การจัดส่งยางมะตอยได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยปัจจุบันบริษัทฯมีเรือขนส่ง 11 ลำเป็นของบริษัท 7 ลำ ของพันธมิตร 2 ลำ และเช่า 2 ลำ ด้านราคาขายยางมะตอยในตลาดต่างประเทศยังคงสดใสหลังจากปัจจุบันเกิดปัญหาขาดแคลนเรือขนส่งยางมะตอยในการจัดส่งสินค้า
นอกจากนี้บริษัท Asia Bitumen Trading Pte Ltd (ABT) ซึงเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง TASCO และ SK Energy พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลี ก็เริ่มมีการดำเนินธุรกิจได้เริ่มดำเนินธุรกิจแล้วในช่วงไตรมาส 2/58 และจะเริ่มมีกำไรทันที ซึ่ง SK Energy ถือเป็นบริษัทปิโตรเลียมรายใหญ่สุดในเกาหลีใต้ มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 1.115 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งยังเป็นผู้ค้ายางมะตอยรายใหญ่ที่สุดของเอเชียด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 3 ล้านตันต่อปี ขณะที่ TASCO มีกำลังการผลิตของโรงกลั่นอยู่ที่ 30,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นผู้ค้ายางมะตอยรายใหญ่อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ค้ายางมะตอยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังจัดซื้อยางมะตอยจากโรงกลั่นอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อส่งไปขายลูกค้าต่างประเทศอีกด้วย
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การรวมตัวของ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ตลาดยางมะตอยในภูมิภาคเชียแปซิฟิค ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น และทำให้คู่ค้ายางมะตอยมั่นใจได้ว่าจะสามารถส่งมอบยางมะตอยได้ตามคำสั่งซื้อที่มีเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าดีมานด์ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้ จำนวนเรือยางมะตอยจะยังคงไม่เพียงพอความต้องการไปอีกอย่างน้อย 2 ปี จนกว่าเรือที่อยู่ระหว่างการต่อใหม่จะเข้าสู่ระบบ และไม่มีกำลังการผลิตยางมะตอยใหม่ในเอเชีย เนื่องจากโรงกลั่นส่วนมาก เลือกที่จะอัพเกรดโรงกลั่นแทนที่จะขยายกำลังการผลิต และถ้าหากจะมีโรงกลั่นใหม่เกิดขึ้นในเอเชีย อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีในการก่อสร้าง
"ผมมั่นใจว่า แนวโน้มยอดขายของ TASCO จะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามียอดขาย 2.03 ล้านตัน เพราะยอดขายส่วนใหญ่ของ TASCO มาจากตลาดต่างประเทศ ยิ่งรัฐบาลในหลายประเทศมีการประกาศโรดแม็พขยายเส้นทางเพื่อรองรับการขนส่งในตลาดเออีซี ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ดีมานด์ยางมะตอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก"นายชัยวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 1,500 ล้านบาท ในปีนี้เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ โดยเฉพาะที่โรงกลั่น พร้อมทั้งสั่งซื้อเรือลำใหม่ 1 ลำ ขนาด 10,000 ตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อรองรับแผนขยายตลาดต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีเรือขนส่ง 11 ลำเป็นของบริษัท 7 ลำ ของพันธมิตร 2 ลำ และเช่า 2 ลำ นอกจากนี้ จะซื้อรถขนส่งเพิ่มอีก 50 คัน รวมเป็น 320 คันเพื่อขยายตลาดในประเทศตามยอดขายที่เติบโตขึ้น
สำหรับแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 1/58 ประมาณ 10-15% ขณะที่ในไตรมาส 3/58 ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตสูงสุด (ไฮซีซั่น) คาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 1/58 ประมาณ 20% ซึ่งเป็นไปตามความต้องการทั้งจากภายในประเทศ และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง