กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ พร้อมจับคู่พันธมิตรใหม่ โดยเลือกเน้นพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน สามารถเชื่อมธุรกิจในทุกมิติ เพื่อเดินหน้าธุรกิจตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการก้าวสู่การเป็นผู้นำแห่งภูมิภาคอาเซียนอย่างครบวงจร “Hub of Creativity in ASEAN” นำรายได้ให้กับอินเด็กซ์ฯ เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด มหาชน กล่าวว่า “ในส่วนของอินเด็กซ์ฯ ได้มีการเตรียมตัว วางแผนกลยุทธ์การเติบโตของอินเด็กซ์ฯ อย่างชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2011 ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยอินเด็กซ์ฯ ตั้งเป้าในการเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ “Hub of Creativity” ในภูมิภาคอาเซียน พร้อมปูเส้นทางการเติบโตของธุรกิจในอนาคตอย่างชัดเจน จากการรุกตลาดพม่า ด้วยงานด้านอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งนับว่าเป็นความเชี่ยวชาญของอินเด็กซ์ฯ ขยายตัวไปสู่การจัดงานเฟสทีฟ อีเว้นท์ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการด้วยการ จัดงาน Countdown ครั้งแรกในพม่า รวมถึงงานเทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น รวมถึงยังได้ให้บริการงานที่รองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจพม่า ตอบรับความต้องการของนักลงทุนจากชาติต่างๆ อาทิ งานด้านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านงานวิจัย (Consumer insight: Research) ที่สำรวจพฤติกรรมการบริโภค เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน ในการศึกษาข้อมูลตลาดเมียนมาร์ การสร้างช่องทางในการสื่อสารแบบผสมผสาน (Integrated media platform) อาทิ การทำสื่อโฆษณารถโดยสาร และรายการทีวี เป็นต้น รวมถึงการจัดงานแฟร์ ตอบรับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การก่อสร้าง โรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงธุรกิจด้าน โชว์ บิซ ที่ อินเด็กซ์ฯ เล็งเห็นโอกาสการเติบโตอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวพม่า จึงได้นำเสนอการแสดงวัฒนธรรมเมียนมาร์แบบร่วมสมัย ผสานเทคนิคแสงสีเสียง ภายใต้ชื่อ “ดันดารี”ผ่านนักแสดงพม่ากว่า 100 ชีวิต ณ พระราชวัง บากัน โกลเด้น พาเลซ (Bagan Golden Palace) พระราชวังประจำเมืองพุกาม โดยอินเด็กซ์ฯ ได้ตระหนักถึงทิศทางการเติบโตของธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืน ทั้งในประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน”
“ประกอบกับที่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผู้ถือหุ้นส่วนนึงของอินเด็กซ์ฯ ต้องการระดมทุน เพื่อจะกลับไปโฟกัสธุรกิจ ทีวีดาวเทียม และทีวีดิจิตอล ซึ่งมีการแข่งขันกันอย่างสูงมากนั้น นับเป็นโอกาสที่ดี ที่อินเด็กซ์ฯ จะได้เดินหน้ายุทธศาสตร์ทิศทางการเติบโตของธุรกิจ ในรูปแบบของการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ตามยุทธศาสตร์การเติบโตที่อินเด็กซ์ฯ วางไว้ เนื่องจากบริษัทได้มุ่งเน้นในเรื่องของการดำเนินธุรกิจภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดแบบครบวงจร (Creative Solutions) และการเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน โดยทิศทางการทำธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น เพราะฉะนั้นอินเด็กซ์ฯ จึงต้องมองหาพาร์ทเนอร์ที่สามารถซินเนอร์ยี่เข้ากันได้ รวมถึงผสานความแข็งแกร่งในธุรกิจหลักของแต่ละฝ่าย รวมถึงในเรื่องของวิธีคิด การทำงาน และที่สำคัญที่สุด จะต้องมีเป้าหมายในการนำพาธุรกิจเติบโตไปพร้อมๆ กันอย่างมั่นคง เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า อินเด็กซ์ฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี และเป็นบริษัทที่สร้างผลประกอบการดีตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ในปีที่แล้วถึงแม้จะมีผลกระทบในเรื่องการเมือง แต่อินเด็กซ์ฯ ยังคงรักษาระดับผลประกอบการไว้ได้ อยู่ที่ 1,625 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าปลายปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 15%”
ทั้งนี้นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ในช่วงที่ผ่านมา ต้องบอกว่ามีหลายกลุ่มธุรกิจ เข้ามาติดต่อพูดคุยเจรจากับอินเด็กซ์ฯ หลายบริษัทด้วยกัน และอินเด็กซ์ฯ ได้มีการเลือกพันธมิตรใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ อินเด็กซ์ฯ ได้เลือกพาร์ทเนอร์ใหม่ ที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจกันได้อย่างดี และสิ่งที่อินเด็กซ์ฯ ให้ความสำคัญมากที่สุด คือจะต้องมีวิสัยทัศน์ตรงกัน โดยตนเองมั่นใจว่าพาร์ทเนอร์ใหม่ทางธุรกิจในครั้งนี้ จะตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ รักษาตำแหน่งบริษัทครีเอทีฟอีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) รวมทั้งวางรากฐานโครงสร้างของธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้แข็งแรง และเติบโตมากยิ่งขึ้น สร้างมุมธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศ ตามยุทธศาสตร์การเติบโตในฐานะผู้นำในภูมิภาค (Hub of Creativity in ASEAN) รวมถึงมั่นใจว่าการผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่นี้ จะสามารถสร้างรายได้ให้กับอินเด็กซ์ฯ เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปี อย่างแน่นอน” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย