อึ้ง!โพลล์พบ นศ.ส่วนใหญ่เคยเข้าร้านเหล้าละแวกที่เรียน

ข่าวทั่วไป Thursday June 18, 2015 09:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ, อาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการ สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ระดับอุดมศึกษาร่วมแถลงผลความคิดเห็นของนักเรียนนักศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณโดยรอบสถาบันการศึกษา โดยได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ศ.ศรีศักดิ์ กล่าวว่าจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,158 คนสามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านข้อมูลทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายคิดเป็นร้อยละ 50.95 ขณะที่ร้อยละ 49.05 เป็นเพศหญิง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 19 ถึง 22 ปีซึ่งคิดเป็นร้อยละ 37.39 และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 32.2 กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณใกล้เคียงสถาบันการศึกษานั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 37.22 ระบุว่าตนเองพบเห็นร้านที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะทาง 1 กิโลเมตรโดยรอบสถาบันการศึกษาของตนเองประมาณ 3 ถึง 5 ร้าน รองลงมาพบเห็น 1 ถึง 2 ร้านซึ่งคิดเป็นร้อยละ 31.26 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.57 และร้อยละ 6.74 ระบุว่าตนเองพบเห็นประมาณ 6 ถึง 7 ร้านและมากกว่า 7 ร้านตามลำดับ โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 13.21 ระบุว่าไม่พบเห็นเลย นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 64.16 ระบุว่าในระยะทาง 1 กิโลเมตรโดยรอบสถาบันการศึกษาของตนเองนั้นไม่มีสถานประกอบการประเภทผับ/บาร์เบียร์/ร้านเหล้า ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 35.84 ระบุว่ามี ในด้านพฤติกรรมการใช้บริการร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณใกล้เคียงสถาบันการศึกษานั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 36.01 ยอมรับว่าในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาเคยเข้าไปใช้บริการซื้อ/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านที่ตั้งอยู่ในระยะทาง 1 กิโลเมตรโดยรอบสถาบันการศึกษาของตนเองประมาณ 1 ถึง 2 ครั้ง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 21.07 ระบุว่าเคยเข้าไปใช้บริการประมาณ 3 ถึง 5 ครั้ง ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.55 ระบุว่าเคยเข้าไปใช้บริการประมาณ 6 ถึง 10 ครั้ง และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 4.58 ยอมรับว่าเข้าไปใช้บริการสัปดาห์ละครั้งหรือมากกว่า โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.79 ระบุว่าตนเองไม่เคยเข้าไปใช้บริการเลย สำหรับปัญหาที่เกิดจากการมีร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสถาบันการศึกษามากที่สุด 5 อันดับตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างได้แก่ การมั่วสุมทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมคิดเป็นร้อยละ 82.64 ไม่กลับบ้าน/ที่พักตรงเวลาคิดเป็นร้อยละ 80.4 การหนีเรียนคิดเป็นร้อยละ 77.89 กลายเป็นผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คิดเป็นร้อยละ 75.39 และการทะเลาะวิวาท/ทำร้ายร่างกายคิดเป็นร้อยละ 72.11 แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 62.35 มีความคิดเห็นว่าการห้ามเปิดร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณโดยรอบสถาบันการศึกษาจะช่วยลดปัญหาต่างๆในข้างต้นได้ ในด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณใกล้เคียงสถาบันการศึกษา กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.46 มีความคิดเห็นว่าการห้ามเปิดร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณโดยรอบสถานบันการศึกษาจะมีส่วนช่วยลดโอกาสการเป็น “นักดื่มหน้าใหม่” ของนักเรียนนักศึกษาได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 68.65 มีความคิดเห็นว่าการสั่งปิดร้านที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรอบบริเวณสถาบันการศึกษาไม่ได้เป็นมาตรการที่รุนแรงเกินไป นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 64.16 มีความคิดเห็นว่าสถาบันการศึกษาควรลงโทษนักเรียนนักศึกษาของตนที่เข้าไปใช้บริการในร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณโดยรอบสถาบันการศึกษาถึงแม้จะเป็นนอกเวลาเรียน ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 74.35 มีความคิดเห็นว่าควรมีการเพิ่มโทษกับผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับนักเรียนนักศึกษาให้หนักขึ้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างวิธีการกำหนดระยะห่างของร้านที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากสถาบันการศึกษากับการกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 67.18 มีความคิดเห็นว่าวิธีการกำหนดระยะห่างมีความเหมาะสมกว่า ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 32.82 มีความคิดเห็นว่าวิธีการกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับร้านที่ตั้งในบริเวณใกล้เคียงสถาบันการศึกษามีความเหมาะสมกว่า และกลุ่มตัวอย่างประมาณหนึ่งในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 33.59 มีความคิดเห็นว่าควรจำกัดพื้นที่การเปิดร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ห่างจากบริเวณโดยรอบสถาบันการศึกษาเป็นระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตรขึ้นไป ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 21.16 มีความคิดเห็นว่าควรจำกัดให้ห่างจากสถาบันการศึกษาประมาณ 1 กิโลเมตรขึ้นไป ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15.2 และร้อยละ 11.05 มีความคิดเห็นว่าควรจำกัดให้ห่างจากสถาบันการศึกษาประมาณ 2 กิโลเมตรขึ้นไปและ 500 เมตรขึ้นไปตามลำดับ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 5.96 มีความคิดเห็นว่าควรจำกัดให้ห่างจากสถาบันการศึกษามากกว่า 2.5 กิโลเมตรขึ้นไป และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 4.66 มีความคิดเห็นว่าควรจำกัดให้ห่างจากสถาบันการศึกษาประมาณ 2.5 กิโลเมตรขึ้นไป โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.38 มีความคิดเห็นว่าไม่ควรจำกัดระยะห่างเลย จากผลสำรวจที่ทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงพิษภัยของเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ซึ่งถูกตีตราเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง ทุกปีวันที่ 26 มิถุนายน สหประชาชาติได้กำหนดเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก ผลสำรวจชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้หันมาใส่ใจกับเยาวชนไทย และสังคมไทยมากยิ่งขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ