กรุงเทพฯ--18 มิ.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ประเด็นหลักที่ขอความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด คือ
1. ช่วยชี้แจงและสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 22 จังหวัด ที่ขณะนี้มีพื้นที่ยังไม่ปลูกข้าวนาปีประมาณ 4 ล้านไร่ ชะลอการปลูกข้าวนาปีออกไปก่อน จนกว่าฝนปกติจะมาถึง ซึ่งจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา คือ ช่วงกลาง – ปลายเดือนกรกฎาคมนี้ โดยกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทานจะจัดส่งแผนที่การจัดส่งน้ำและประมาณการพื้นที่ปลูกข้าวแล้วและยังไม่ได้ลงปลูกโดยจำแนกข้อมูลเป็นรายตำบล อำเภอ มีเกษตรและกลุ่มผู้ใช้น้ำที่ต้องไปทำความเข้าใจกี่ราย ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทราบโดยตรงด้วย
2. ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้กลไกของคณะอนุกรรมการด้านการเกษตรระดับจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เร่งหารือมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ต้องเลื่อนเวลาเพาะปลูกออกไป ทั้งการช่วยเหลือในต้นฤดู กลางฤดู และปลายฤดู ซึ่งนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการประชุมคอนเฟอร์เรนซ์กับเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และสั่งการให้มีการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ 22 จังหวัดที่ยังไม่ลงมือเพาะปลูกอีกประมาณ 4 ล้านไร่ เพื่อให้ได้ความต้องการที่แท้จริงในพื้นที่ ก่อนจะออกมาเป็นมาตรการที่ภาครัฐจะให้การสนับสนุนซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนได้ภายใน 2 สัปดาห์
“สิ่งที่กระทรวงเกษตรฯ เป็นกังวล คือ เกษตรกรจะได้รับความเสียหายหายหากยังปลูกข้าวนาปีในช่วงนี้ เนื่องจากสภาพน้ำที่มีอยู่จำกัด และสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง เพราะปริมาณน้ำที่มีอยู่กรมชลประทานจะบริหารจัดการให้พื้นที่ที่ลงมือปลูกไปแล้ว 3.44 ล้านไร่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ส่วนในอีก 4 ล้านไร่ที่เหลือซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาดอนซึ่งอยู่สูงกว่าที่ปลูกแล้ว จึงอยากจะขอความร่วมมือจากเกษตรที่ยังไม่ลงมือเพาะปลูกเลื่อนการปลูกข้าวนาปีออกไปก่อน และทางรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือออกมาโดยเร่งด่วน ทั้งในส่วนที่ต้องชะลอการปลูกออกไปก่อน หรือถ้าฝนไม่มาตามที่คาดการณ์ไว้ก็ต้องมีแผนรองรับอย่างแน่นอน แต่จะเป็นมาตรการอย่างไรนั้นขอให้เป็นความต้องการที่แท้จริงของเกษตรกรซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยกระทรวงเกษตรฯ จะประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยอย่างใกล้ชิด ” นายปีติพงศ์ กล่าว