กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--CS LOXINFO
กลุ่มอินทัช ดำเนินโครงการ “Call Center 1188 ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง คลอง 5 จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโครงการของบมจ. เทเลอินโฟ มีเดีย บริษัทย่อยของ บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Call Center โดยร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ที่มีนโยบายในการฝึกวิชาชีพ พัฒนาฝีมือแรงงาน และส่งเสริมการมีงานทำให้กับผู้ต้องขังหญิงหลังจากพ้นโทษเป็นครั้งแรกของเมืองไทย ผ่านบริการ Call Center 1188 สอบถามข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของกลุ่มธุรกิจ ร้านค้า รวมไปถึงข้อมูลบุคคลทั่วประเทศไทยกว่า 6 ล้านเลขหมาย ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าและบริการ อีกทั้งบริการหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน บริการรับพิมพ์ และส่งข้อความผ่าน SMS ฯลฯ ผ่านระบบไอทีตามมาตรฐานกรมราชทัณฑ์
นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ กล่าวว่า “ เทเลอินโฟ มีเดีย เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านผู้นำสื่อธุรกรรมครบวงจร อาทิ สมุดหน้าเหลืองไทยแลนด์เยลโล่เพจเจส ที่ให้บริการทั้งรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ สื่อผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ รวมทั้งการให้ข้อมูลผ่านบริการ Call Center 1188 Thailand Yellowpages จากความชำนาญดังกล่าว บริษัทจึงเห็นโอกาสในการสร้างอาชีพให้กับผู้ต้องขัง โดยเริ่มจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง คลอง 5 จ.ปทุมธานี เป็นที่แรก ด้วยงบลงทุนกว่า 4 ล้านบาท ในการติดตั้งระบบไอทีตามมาตรฐานของกรมราชทัณฑ์ที่คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอกด้วยอุปกรณ์และรูปแบบการดำเนินงานเช่นเดียวกับระบบ Call Center ของสำนักงานภายนอกเรือนจำที่ใช้ระบบ Call Center ของ AVAYA system ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อุปกรณ์ Headset ที่มีฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ (Noise Cancelling) และมีการตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของเจ้าหน้าที่ด้วยระบบบันทึกเสียงสนทนาเพื่อให้หัวหน้าตรวจสอบได้แบบ Voice Record 100% ตามมาตรฐาน Call Center ที่พัฒนาขึ้นเองเฉพาะตัว (Customized Asterisk Freeware) นอกจากนี้ ด้วยกฏระเบียบของทางกรมราชทัณฑ์ ที่ไม่ให้ผู้ต้องขังติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก ทางบริษัทฯ จึงได้จัดทำระบบการหมุนหมายเลขโทรศัพท์อัตโนมัติ (Predictive dialing) ด้วยการพัฒนา Software เพื่อให้เจ้าหน้าที่ภายนอกเรือนจำเป็นผู้กำหนดหมายเลขเพื่อโทรออก (Numbering Call Outbound) แล้วส่งต่อไปที่ห้อง Call Center ในทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ต้องขังติดต่อกับบุคคลภายนอกด้วยตนเองได้ และสำหรับด้านความปลอดภัยนั้น ทางบริษัทฯ ได้วางระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ได้แก่ การติดตั้งเครื่องสแกนลายนิ้วมือสำหรับเช็คเวลา เข้า – ออก การทำงานและป้องกันมิให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในสถานที่ปฏิบัติงานได้ รวมถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในกับสำนักงานใหญ่ภายนอกได้ด้วยการเชื่อมต่อ Lease line โดยตรงเท่านั้น เพื่อป้องกันการเชื่อมต่อ Internet ผ่านอุปกรณ์นี้ได้”
“เริ่มแรกมีผู้ต้องขังเข้าเป็นพนักงานจำนวน 20 คน โดย เทเลอินโฟ มีเดีย เป็นผู้ฝึกอบรม วางระบบ เตรียมสถานที่พร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการทำงาน ตลอดจนปรับปรุงทัศนียภาพและสร้างบรรยากาศการทำงานให้เสมือนออฟฟิศจริง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า ผู้ต้องขังมีศักยภาพในการทำงานที่ดี มีพัฒนาการ ความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานไม่ด้อยไปกว่าพนักงานที่อยู่ภายนอก อีกทั้งยังอยู่ในกฎระเบียบเป็นอย่างดี ไม่มีเรื่องอื่นๆ มาทำให้เสียสมาธิในการทำงาน ปัจจุบัน จึงได้ขยายจำนวนพนักงานเป็น 80 คน ทำงานวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 08.00-17.00 น. บริษัทมีเบี้ยเลี้ยงให้แก่ผู้ต้องขังในอัตราที่เหมาะสม โดยรายได้ที่ผู้ต้องขังได้รับจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งผู้คุมจะนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ต้องขัง อีกส่วนหนึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการฝากเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ให้กับผู้ต้องขังแต่ละคน เพื่อที่เวลาพ้นโทษจะได้มีเงินก้อนสำรองติดตัวไว้ใช้ในอนาคต”
“จากผลตอบรับที่ดีในการดำเนินโครงการดังกล่าว ทาง เทเลอินโฟ มีเดีย มีความเชื่อมั่นว่าผู้ต้องขังสามารถนำความรู้ ความสามารถ และทักษะที่ได้รับมาใช้ประกอบอาชีพภายหลังจากที่พ้นโทษ สามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว เป็นบุคคลที่มีคุณค่า กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็ง นอกจากนี้ ผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกมาแล้ว จะได้รับโอกาสเข้าทำงานกับบริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย ในตำแหน่ง Call Center และตำแหน่งอื่นๆ ตามความเหมาะสมอีกด้วย ซึ่งในอนาคต ทาง เทเลอินโฟ มีเดีย มีแนวคิดที่จะสานต่อโครงการไปยังทัณฑสถานอื่นๆ เพื่อขยายโอกาสให้กับผู้ต้องขังที่จะทำให้ช่วงเวลาที่ต้องโทษ กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ และสามารถกลับมามีที่ยืนในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี” นายอนันต์ กล่าว