กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) ตั้งเป้าผุดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ กำลังการผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2559 ก่อนขยับเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ภายใน 3 ปี ประเดิมล็อตแรก จับมือพันธมิตรในญี่ปุ่นพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม รวม 25 เมกะวัตต์ คาดเฟสแรกใช้เงินลงทุน 2,500 ล้านบาท พร้อมเริ่มทยอย COD ได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า ปั้นรายได้กว่า 300 ล้านบาทต่อปี
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่ภาครัฐ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายต้องการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไปยังภูมิภาคในเอเชียให้มากขึ้น โดยรูปแบบการลงทุนจะดำเนินการผ่านบริษัทฯ ย่อย TSE Group International Pte Ltd ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ โดยมีเป้าหมายภายในสิ้นปี 2559 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศจำนวน 100 เมกะวัตต์และเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มได้เป็นจำนวนมาก และมีนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบการลงทุนในครั้งนี้ มีทั้งรูปแบบการเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการเองทั้งหมด และการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมพัฒนาโครงการ
โดยล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับพันธมิตร 2 รายในประเทศญี่ปุ่น รวมกำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพันธมิตรจากกลุ่ม Eco Solar Japan ที่บริษัทฯ จะเข้าไปดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม กำลังการผลิต 13 เมกะวัตต์ ที่เมืองอาโอโมริ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมกับพันธมิตรกลุ่ม Prospec Holding Inc. ในการร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์ม ที่เมืองอิบารากิ ตั้งอยู่ตอนเหนือของเขตคันโต และเมืองอิชิคาวะ ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 12 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ โครงการในเฟสแรกทั้งหมด จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะทยอยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ครึ่งปีหลังปี 2558 และคาดว่าจะเริ่มทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบ (COD) ได้ภายในต้นปี 2559 ซึ่งหากครบทุกโครงการจะทำรายได้กว่า 300 ล้านบาทต่อปี
“เรามีศักยภาพและความพร้อมรุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากเรามีองค์ความรู้และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในการดำเนินโครงการ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศหนึ่งในเป้าหมายที่เราต้องการรุกขยายธุรกิจออกไป เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานของ TSE ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดและผลักดันบริษัทฯ ก้าวสู่การเป็นบริษัทฯ ชั้นนำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย” ดร.แคทลีน กล่าว