กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
Patrick Dempsey ฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในรายการ 24 Hours of Le Mans ในฐานะนักแข่งด้วยรถยนต์ปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ที่มีพละกำลังแรงม้าสูงถึง 470 แรงม้า ภายใต้ทีม Dempsey ProtonRacing โดยเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ในรุ่น GTE-Am class สำหรับการแข่งขันแบบ Long Distance classic ครั้งที่ 83ที่ประเทศฝรั่งเศสโดยมีผู้ชมกว่า 260,000 คน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมคือ Patrick Long (สหรัฐอเมริกา) และ Marco Seefried (ออสเตรีย) นักแข่งจากปอร์เช่ซึ่งเข้าร่วมการแข่งขัน 2015 Sports Car World Endurance Championship
นี้เป็นครั้งแรก
911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) สร้างจาก 911 รถสปอร์ตรุ่นที่ 7 โดยออกแบบให้เน้นน้ำหนักเบา มีความสมดุลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งนักแข่งทั้ง 3 คน มีความตั้งใจและพยายามรายการ Le Mans นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายของการแข่งขัน หลังจากตกอันดับในช่วงเช้า แต่ในช่วงกลางวันนั้น Patrick Long พยายามอย่างหนักส่งผลให้เขากลับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 โดยใช้ความสามารถและศักยภาพของรถยนต์ปอร์เช่หมายเลข 77 อย่างเต็มที่ และนำมาซึ่งความสำเร็จนี้ได้อย่างงดงาม นั่นคือการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2
หลังจากธงปล่อยตัวผ่านไป 3 ชั่วโมงครึ่ง รถของ Michael Christensen (เดนมาร์ก), Richard Lietz (ออสเตรีย) และ Jörg Bergmeister (เยอรมนี) ราวกับขึ้นไปยึดครองตำแหน่งบนโพเดี่ยมได้ด้วย 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) เขาเข้า Pit Stops 2 ครั้งเพื่อตรวจสอบรถ ซึ่งทำให้เสียเวลาไปกว่า 30 นาที และทำให้โอกาสขึ้นอันดับ 3 นั้นเป็นไปได้ยาก ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของพวกเขาอย่าง Patrick Pilet (ฝรั่งเศส), Frédéric Makowiecki (ฝรั่งเศส) and Wolf Henzler (เยอรมนี) ต้องพบกับฝันร้ายในรายการ Le Mans นี้เพราะเพียงแค่ชั่วโมงแรก พวกเขาก็ประสบกับปัญหาที่เกี่ยวกับระบบส่งกำลังเสียแล้ว
Dr. Frank-Steffen Walliser หัวหน้าฝ่ายมอเตอร์สปอร์ต ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแข่งขันนี้ว่า: “วันนี้เป็นฤกษ์ดีสำหรับปอร์เช่ เราภูมิใจกับนักแข่งทุกคนที่เข้าร่วมและคว้าชัยครั้งที่ 17 นี้ให้กับปอร์เช่ในรายการ Le Mans สำหรับรุ่น GT นั้นเราไม่ได้คาดหวังผลเหมือน Le Mans พวกเราทำได้ดีในเรื่องของกลยุทธ์ และเป็นการแข่งขันที่เหมาะสมกับรถหมายเลข 91 แต่ต้องประสบปัญหาทางเทคนิคกับ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ทำให้เราต้องกลับไปจุดเดิม และเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) สามารถขึ้นไปคว้าอันดับ 2 บนโพเดี่ยมโดย Patrick Dempsey, Patrick Long และ Marco Seefried ได้สำเร็จ
Richard Lietz ผู้ขับ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) หมายเลข 91 กล่าวว่า: “ช่วงสัปดาห์ที่ Le Mans คือช่วงความตื่นเต้น ในรอบคัดเลือกเราทำเวลาตามหลังเพียงแค่ 1.6 วินาที ยางและความร้อนทำให้เราประสบปัญหา แต่ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ก็พัฒนาและปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว การขับขี่เป็นไปได้ด้วยความสนุกสนาน และในตอนกลางคืนเราสามารถกลับขึ้นไปยึดครองตำแหน่งที่ 2 ได้สำเร็จ แต่ภายหลังเราก็ต้องประสบกับความโชคร้ายจากโช๊ค ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเราเรียนรู้จากเหตุการณ์ สำหรับผมนั้น Le Mans คือการแข่งขันที่พิเศษและไม่เหมือนใคร ผมเฝ้ารอคอยการแข่งขัน Le Mans ในปี 2016 แล้ว”
Michael Christensen: “ประสบการณ์ครั้งแรกของผมที่ Le Mans คือประสบการณ์ที่น่าจดจำ เพื่อนร่วมทีมของผมได้เล่าเกี่ยวกับการแข่งขันก่อนที่จะลงแข่ง แต่ความคาดหวังของผมนั้นเกินกว่าที่เป็นจริง แต่ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะเรื่องราวที่ไม่ได้จบด้วยดีนักในครั้งนี้”
Jörg Bergmeister: “การแข่งขันนั้นมีความหลากหลาย แม้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่เราก็รอให้ถึงการแข่งขันครั้งหน้าแล้ว และคงมีความสุขมากที่จะได้กลับไปยืนบนโพเดี่ยม แต่ก็ต้องพบปัญหาทางเทคนิคเสียก่อน ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นได้เสมอในการแข่งขัน 24-hour race แต่ Le Mans จะยังคงเป็นไฮไลท์สำคัญประจำปีของผม”
Patrick Dempsey ผู้ขับ 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) หมายเลข 77: “Le Mans คือการแข่งขันที่วิเศษสุด เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมเสมอ สำหรับเรานั้นชั่วโมงสุดท้ายของการแข่งขันเป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ทีมของเราได้พยายามอย่างหนักและทำทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ เราจึงได้รับรางวัลบนโพเดี่ยม เพียงเท่านี้ความเหนื่อยและการทำงานอย่างหนักจากที่ผ่านมาหลายอาทิตย์ รวมถึงหลายเดือนนั้นมีค่ามากแล้ว ผมภูมิใจในทีมของผม”
Patrick Long: “เป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม สำหรับผมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ความเร็วสำหรับ Le Mans นั้นเหลือเชื่อ และความต้องการของผมคือการทำให้รถกลับบ้านโดยไม่พังหรือไม่มีรอยใดๆ หากจะถามผมว่าได้เรียนรู้อะไร หนึ่งสิ่งที่ผมเคยได้เรียนรู้จาก Le Mans ครั้งที่ 12 นั้นคือเมื่ออยู่ในสถาการณ์ที่คับขัน รถของคุณต้องสมบูรณ์แบบ และเมื่อได้รับโอกาส นี่เป็นครั้งที่ 3 ใน Le Mans แล้วที่ผมเข้าร่วมพร้อม Patrick และเราจะยังคงฝันและพยายามไขว่คว้าตำแหน่งบนโพเดี่ยมร่วมกันอีกครั้ง ในตอนนี้ความฝันของผมได้กลายเป็นจริงแล้ว
Marco Seefried: “เราพบเจอกับประสบการณ์มากมายระหว่างการแข่งขัน เมื่อผมได้เห็นที่ Pits ผมรู้สึกถึงหัวใจเต้นแรงกว่าตอนอยู่ในรถเสียอีก เป็นครั้งแรกสำหรับผมในการแข่งขัน Le Mans เริ่มต้นจากความเคารพในทุกสนามและทำงานอย่างหนัก Le Mans เป็นการแข่งขันที่มีเสน่ห์ แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่า ความเร็วขนาดนี้จะสามารถรักษาไว้ได้ตลอดเส้นทางทั้งหมด เป็นงานที่ยากแต่พวกเราก็ทำสำเร็จ”