กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(วันที่ ๒๓ มิ.ย.๕๘ เวลา ๑๓.๓๐ น.) พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่าคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ได้มีการประชุม ครั้งที่ ๒ / ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ มิ.ย.๕๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ เพื่อพิจารณาการดำเนินการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด การพัฒนาระบบเกลือเสริมไอโอดีนที่มีประสิทธิภาพ และการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยมี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยรุ่น
สืบเนื่องจาก ในแต่ละปีประเทศไทยมีแม่วัยรุ่นตั้งครรภ์จำนวนสูงถึง ๑๐๐,๐๐๐ กว่าคน และหลายหน่วยงานได้บูรณาการทำงานร่วมกันตลอดจนมีกลไกการดำเนินงานที่มีแผนงานเป้าหมายเดียวกัน คือ ให้การตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยรุ่นมีจำนวนลดลงครึ่งหนึ่งในระยะเวลา ๑๐ ปี นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๘ – ๒๕๖๗ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้รับหมอบหมายให้ดูแลในเรื่องครอบครัว โดยให้ผู้ปกครองดูแลให้ความรักความอบอุ่น สร้างความเข้าใจแก่บุตรหลาน เพื่อจะได้ไม่ออกนอกบ้านไปทำพฤติกรรมต่างๆที่ไม่เหมาะสม เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น และยังมีการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยได้เตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบในหลักการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เสนอ เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐาน ลดความเหลื่อมล้ำรวมทั้งคุ้มครองเด็กแรกเกิด และเด็กปฐมวัยให้ได้รับการดูแลและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยควรพิจารณาให้เฉพาะผู้ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม และในกรณีที่มีการใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ นำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการโครงการฯ โดยได้กำหนดเป้าหมายที่จะจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่เด็กแรกเกิด – ๑ ปี มีสัญชาติไทย อยู่ในครัวเรือนยากจนและครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน จำนวน ๑๓๕,๗๖๘ คน รายละ ๔๐๐ บาทต่อคน ต่อเดือน เป็นเวลา ๑ ปี วงเงินทั้งสิ้น ๖๕๗,๖๘๖,๔๐๐ บาท โดยจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบในหลักเกณฑ์ขั้นตอนการดำเนินโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ดังนี้ ๑) คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย ต้องเป็นเด็กที่เกิดระหว่าง ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ อยู่ในครัวเรือนยากจนหรือครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน รายได้ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน และมีภาระพึ่งพิง เช่น ในครอบครัวมีคนพิการ หรือผู้สูงอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป มีบ้านสภาพทรุดโทรม หรือทำจากวัสดุเหลือใช้ อยู่บ้านเช่า ไม่มีห้องส้วม ไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่มีเตาไมโครเวฟ ฯลฯ ๒) สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ ถึง เดือนมีนาคม ๒๕๕๙
“เนื่องจากยังมีเด็กไทยจำนวนมากที่ขาดสารไอโอดีนส่งผลต่อการพัฒนาการของเด็ก ที่ประชุมจึงได้พิจารณาการพัฒนาระบบเกลือเสริมไอโอดีนที่มีประสิทธิภาพ โดยการผลิต การกระจาย และการบริโภค ต้องอาศัยความร่วมมือจากกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดระบบเกลือเสริมไอโอดีนที่ต่อเนื่อง เป็นหลักประกันได้ว่าประชาชนไทยทุกคน จะได้รับสารไอโอดีนเพียงพอในแต่ละวัน และสามารถขจัดโรคขาดสารไอโอดีนให้หมดไปจากประเทศไทยอย่างยั่งยืนและมีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ เรื่องระบบเกลือเสริมไอโอดีน ทั้งนี้ จะต้องนำไปเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป”พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย