กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. โฮม พอตเทอรี่ (HPT) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค วันที่ 29 มิถุนายนนี้ โดย HPT ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาประเภทไฟน์ไชน่า (Fine china) เพื่อใช้บนโต๊ะอาหารและเป็นเครื่องใช้ในครัว มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานและแวววาว เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำ HPT ผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของผู้สั่งผลิตและมีสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง ได้แก่ เพทาย (PE'TYE) และฮาร์ทแอทโฮม (Heart @ Home) โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักในต่างประเทศ ทั้งนี้ HPT มีโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดลำปางและเป็น บจ. รายแรกจากจังหวัดลำปาง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจส่วนกลางและภูมิภาคเห็นประโยชน์จากการระดมทุนผ่านตลาดทุนเพื่อขยายกิจการให้เติบโตเพิ่มมากขึ้น
HPT มีทุนชำระแล้ว 130 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 400 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 120 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 18 - 19 และ 22 มิถุนายน 2558 ในราคาหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 120 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 520 ล้านบาท บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายนายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้จัดการ บมจ. โฮม พอตเทอรี่ (HPT) เปิดเผยว่า การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้บริษัท และจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปพัฒนาสายการผลิตที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และขยายกำลังการผลิตเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังใช้สำหรับส่งเสริมด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ตราสินค้าของบริษัท ตลอดจนขยายช่องทางจำหน่ายรวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
HPT มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวเชาว์กิตติโสภณ ถือหุ้น 70.71% กลุ่มครอบครัวรวยถาวรกิจ ถือหุ้น 6.22% และบริษัท ธนทัตพัฒนา จำกัด ถือหุ้น 0.58% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 43.10 เท่า คำนวณจากผลประกอบการในรอบ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 เมษายน 2557 - 31 มีนาคม 2558) ซึ่งเท่ากับ 12.09 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0232 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและกฎหมาย
รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.homepottery.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th