กรุงเทพฯ--29 มิ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก ระบุ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้ม Sideway แนะจับตาการทำ preview งบการเงินในไตรมาส 2/2558 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ คาดได้รับแรงกดดันจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ด้านนักวิเคราะห์ด้านทองคำ มองราคาทองคำมีโอกาสปรับลงต่อ จึงให้แนวรับ 1,160 - 1,150 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,195 - 1,205 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทย ว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยที่น่าจับตาช่วงสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้าเป็นช่วงของการทำ preview งบการเงินในไตรมาสที่ 2 ของหุ้นกลุ่มแบงก์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก กดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์และผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มแบงก์
ปัจจัยที่นักลงทุนต่างจับตาคือ กรีซจะสามารถตกลงกับเจ้าหนี้ได้หรือไม่ โดยเชื่อว่าน่าจะทราบผลภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากในวันที่ 30 มิถุนายน2558 กรีซมีกำหนดต้องชำระคืนเงินกู้รวม 4 งวด 1.5 พันล้านยูโรให้แก่ IMF และโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซจะหมดอายุลง
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกรีซได้เสนอแนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจทียื่นให้แก่เจ้าหนี้ ต่อรัฐสภาพกรีซ หากรัฐสภากรีซไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวอาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีกรีซต้องประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อออกไป ส่วนสถานการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (FED Fund Rate) ของธนาคารกลางสหรัฐ มีความคืบหน้าล่าสุดจากสมาชิกผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐรายหนึ่ง กล่าวว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอาจมีความพร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน และครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคม ซึ่งจะมีผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายกลับสู่สหรัฐ และเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นไทย
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนว่า SET คาดว่าจะแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,495 – 1,520 จุด เนื่องจากคาดว่า นักลงทุนจะรอฟังผลการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 25-26 มิถุนายน 2558 และผลการพิจารณาเพิ่มเติมในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปก่อนประเทศกรีซครบกำหนดชำระเงินกู้ 1.5 ล้านยูโรให้แก่ IMF
ดังนั้นแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" เป็นรอบ (ลงซื้อ/ขึ้นขาย) ในกรอบ 1,490 – 1,520 จุด โดยแนะนำลงทุนใน กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP, PTTGC, TOP จากราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น กลุ่มเดินเรือ เช่น TTA, PSL เนื่องจากค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น ITD, CK ,STEC, UNIQ, SEAFCO, PYLON จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้มองว่าหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจับตา คือ หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายการทำ Window Dressing ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน เนื่องจาก Underperform SET ได้แก่ กลุ่ม ICT (SAMART) กลุ่ม BANK (KBANK, KTB) กลุ่ม MEDIA (RS) และกลุ่มอสังหาฯ (SPALI, AP)
ด้าน นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้ปรับลงแรงในเวลาต่อมาหลังการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนเกี่ยวกับหนี้กรีซเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ที่ได้สิ้นสุดลงแล้วนั้น ที่ประชุมให้การขานรับต่อข้อเสนอใหม่จากรัฐบาลกรีซถือเป็นขั้นตอนเชิงบวกในกระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซแต่ก็ขอเวลาเพื่อศึกษารายละเอียดในข้อเสนอดังกล่าวเพื่อพิจารณาว่าจะผ่านความเห็นชอบหรือไม่ โดยรัฐมนตรีคลังยูโรโซนจะประชุมกันในวันที่ 24 มิถุนายน 2558 เวลาเที่ยงคืน ตามเวลาไทย เพื่อจัดเตรียมข้อตกลงที่อาจจะมีการลงนามกันในการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ผู้นำสหภาพยุโรป (EU) จะจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 25-26 มิถุนายน เวลา 22.45 น.ตามเวลาไทย จากประเด็นหนี้กรีซที่เริ่มคลี่คลายขึ้นจะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ เนื่องจากความน่าสนใจในการเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยลดน้อยลง
ส่วนประเด็นที่น่าจับตาได้แก่การ ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (EU)วันแรก –วันสุดท้าย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมิถุนายนของสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนมิถุนายนของสหรัฐ และดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพฤษภาคมของสหรัฐ
ดังนั้น ประเมินว่าราคาทองคำ มีโอกาสปรับลงต่อ โดยแนวโน้มราคาทองโลก ปรับลงแรงด้วยการสร้างแนวเรียงตัวแท่งเทียน EVENING STAR และต่อยอดขาลงด้วยการสร้างแท่งเทียน BEARISH ที่หลุดแนวรับสัญญาณ GOLDEN CROSS พร้อมกับหลุดแนวรับ NECKLINE ในแนวของ BEARISH FLAG ในช่วงเดียวกัน เป็นสัญญาณขายที่มีความแข็งแกร่ง ดังนั้นจากแนวลงที่เกิดขึ้นสอดคล้องกัน + ค่าสัญญาณ RSI ที่ปรับลงและยังไม่มีภาวะ OVER SOLD เกิดขึ้น ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับลงต่อโดยทิศทางการแกว่งตัวจะเป็นไปตามแนวลงรูปแบบ BEARISH FLAG ที่เกิดขึ้น จึงให้แนวรับ 1,160 - 1,150 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และ แนวต้าน 1,195 - 1,205 เหรียญต่อทรอยออนซ์