กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
วันนี้ (๒๙ มิ.ย. ๕๘) เวลา ๐๙.๓๐ น. พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "ตลาดนัดพัฒนาเด็กและเยาวชน : การรวมพลังไตรภาคีเพื่อเพิ่มศักยภาพเด็กและเยาวชน" และการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๕๗ สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งร่วมบรรยายพิเศษเรื่อง "ธุรกิจเพื่อสังคม เด็กและเยาวชนได้ประโยชน์อย่างไร" ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน(ดย.) ร่วมกับสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และองค์กรภาคีเครือข่ายจัดงาน "ตลาดนัดพัฒนาเด็กและเยาวชน: การรวมพลังไตรภาคีเพื่อเพิ่มศักยภาพเด็กและเยาวชน" ซึ่งงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมเจ้าฟ้านักพัฒนาเยาวชน โดยเป็นโครงการต่อเนื่องตลอดทั้งปี ๒๕๕๘ และ ๒๕๕๙ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยน้อมนำพระราชดำริและพระราชกรณียกิจในพระองค์ท่านในด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนมาดำเนินงาน ทั้งนี้ งานตลาดนัดพัฒนาเด็กและเยาวชน เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากงานรวมพลังไตรภาคีเพื่ออนาคตเด็กและเยาวชน ซึ่งองค์กรหลักภาครัฐ ภาคสังคม และภาคเศรษฐกิจได้ร่วมมือกับสภาฯ จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้เกิดการระดมสรรพกำลังในภาคส่วนทั้ง ๓ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่องานพัฒนาเด็กและเยาวชน ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมงานให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันแนวคิดสู่การปฏิบัติ การจัดงานครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อตอบสนองข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยเป็นการสัมมนาระดับชาติ ซึ่งมีเนื้อหาในด้านการส่งเสริมทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาอาชีพและการพึ่งตนเอง การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสังคม และเป็นการรวมพลังจาก ๓ ภาค ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเศรษฐกิจ และภาคสังคม เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาเด็กและเยาวชนทั้ง ๓ ด้าน สำหรับการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และรวบรวมความคิดเห็นจากไตรภาคี ในการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนในด้านการส่งเสริมทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาอาชีพ การพึ่งตนเองและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสังคม และเป็นการกำหนดแนวทางการระดมสรรพกำลังจากไตรภาคีในการสนับสนุนงานพัฒนาเด็กและเยาวชนทั้ง ๓ ด้านให้เกิดสัมฤทธิ์ผลสูงสุด รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคมให้เป็นช่องทางใหม่ในการสนับสนุนงานพัฒนาเด็กและเยาวชนทั้ง ๓ ด้านอย่างยั่งยืน
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า การจัดงานในครั้งนี้ นับว่าเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชน
ในยุคสมัยของประชาคมอาเซียน โดยการที่ ๓ ภาคส่วนที่สำคัญของสังคม รวมทั้งผู้ประกอบการทางสังคมที่เป็นสมาชิก Ashoka และกลุ่มเยาวชนที่ทำงานเพื่อสังคม มีโอกาสแลกเปลี่ยนปรึกษาหารือกันเพื่อร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนภารกิจที่สำคัญ สามารถสะท้อนความต้องการของเด็กและเยาวชนได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้เด็กและเยาวชนไทยได้รับการพัฒนาศักยภาพให้เป็นผู้นำของสมาชิกประชาคมอาเซียนรุ่นใหม่ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสภาฯ โดยผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง องค์กรพัฒนาเอกชนทั้งที่ทำงานพัฒนาเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะและงานพัฒนาสังคมโดยรวม หน่วยงานภาคเศรษฐกิจที่สนับสนุนงานพัฒนาเด็กและเยาวชนกลุ่มเด็ก และเยาวชน จำนวนทั้งสิ้น ๑๖๐ คน
"สำหรับการบรรยายพิเศษเรื่อง "ธุรกิจเพื่อสังคม เด็กและเยาวชนได้ประโยชน์อย่างไร" กิจการเพื่อสังคมซึ่งริเริ่มและดำเนินการโดยภาคธุรกิจเป็นหลัก หรือภาคสังคมเป็นหลัก จะช่วยให้การทำงานพัฒนาเด็กและเยาวชนสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องทั่วถึง และในที่สุดจะทำให้ชุมชนเข้มแข็งสามารถพึ่งตนเองและดำเนินงานพัฒนาเด็กและเยาวชนของตนเองได้ยั่งยืนต่อไป สำหรับการที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประชาคมอาเซียนนั้น จะต้องเตรียมการอย่างไรประเทศของเราจึงจะมีความพร้อมและก้าวเข้าสู่ประชาคมได้อย่างสง่าผ่าเผยมีศักดิ์ศรี เป็นเรื่องที่ต้องคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งเรื่องเร่งด่วนประการหนึ่งคือ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของประเทศชาติในทุกๆด้าน เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนจะต้องวางแผนงานร่วมกัน" พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย