กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BBB-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีในตลาดคอนโดมิเนียมราคาสูงและสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นหลังจากบริษัทเริ่มมีการส่งมอบยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวนมากตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงที่บริษัทเน้นพัฒนาเฉพาะสินค้าในตลาดคอนโดมิเนียมราคาสูง ตลอดจนผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่ค่อนข้างผันผวนซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่จำนวนน้อย รวมถึงความไม่ต่อเนื่องในการเปิดโครงการใหม่ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลงานในการบริหารโครงการใหม่ในระยะเวลาอันสั้นของผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารระดับสูงชุดปัจจุบันของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารระดับสูงหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง ตลอดจนความกังวลในการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงและความต้องการที่อยู่อาศัยซบเซา
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถพัฒนาและส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมได้ตามแผน จากยอดขายที่รอการส่งมอบจำนวนมากในช่วงที่เหลือของปี 2558 จนถึงปี 2560 ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดขายโครงการใหม่โดยยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับต่ำกว่า 60% และอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ระดับ 10%-15% เอาไว้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากโครงสร้างเงินทุนและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงจากระดับเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทไรมอน แลนด์ ก่อตั้งในปี 2530 โดยคุณจุไรรัตน์ E. Bonithern และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2537 บริษัทเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ในช่วงปี 2543 จนถึงปี 2546 และมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่หลายครั้งดังนี้ ในปี 2545 Seamico Securities PLC เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้นในปี 2548 กลุ่ม Teigen ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ต่อมาในช่วงปลายปี 2549 Istithmar Hotels FZE และ IFA Hotels & Resorts 3 Ltd. (IFA) ได้กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 JS Asset Management Pte. Ltd. (JS) ได้เข้ามาซื้อหุ้น 24.98% ของบริษัทจาก IFA และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน โดย JS เป็นบริษัทโฮลดิ้งเพื่อการลงทุนสัญชาติสิงคโปร์ซึ่งมี Mr. Lee Chye Tek Lionel เป็นเจ้าของ Mr. Lee ยังเป็นเจ้าของกิจการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธุรกิจ Jit Sun Investment (Jit Sun) ซึ่งประกอบธุรกิจที่หลากหลายอื่น ๆ ด้วย อาทิ ให้บริการก๊าซธรรมชาติและน้ำมันนอกชายฝั่ง ก่อสร้างเรือและให้บริการงานวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมเดินเรือและอุตสาหกรรมนอกชายฝั่ง โรงแรมบูทีค รวมไปถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
บริษัทเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมราคาสูงซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยตั้งแต่ 85,000 บาทจนถึง 400,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ณ เดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาจำนวน 6 โครงการซึ่งมีมูลค่ารวม 39,000 ล้านบาท โดยมูลค่าโครงการของ The River และ 185 Rajadamri คิดเป็น 65% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมทั้ง 6 โครงการของบริษัทมีมูลค่าของจำนวนหน่วยเหลือขายประมาณ 7,000 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยยอดขายที่รอส่งมอบนี้ช่วยประกันการรับรู้รายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ผลการดำเนินงานของบริษัทค่อนข้างผันผวนซึ่งเป็นผลมาจากความไม่ต่อเนื่องในการเปิดโครงการใหม่ รายได้รวมของบริษัทในช่วงปี 2551-2554 อยู่ในช่วง 1,163 ล้านบาทถึง 3,245 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 5,449 ล้านบาทในปี 2555 และ 5,681 ล้านบาทในปี 2556 ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งมอบคอนโดมิเนียมในโครงการ The River รายได้ของบริษัทในปี 2557 เติบโต 16% จากปีก่อน ซึ่งคิดเป็น 6,581 ล้านบาทจากการโอนคอนมิเนียมโครงการ 185 Rajadamri รายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เท่ากับ 1,613 ล้านบาท ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
คาดว่ายอดขายที่รอรับรู้รายได้จะสามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ตามแผนเนื่องจากโครงการของบริษัทตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีการเก็บเงินดาวน์ที่สูงถึง 25%-40% ของราคาขาย ดังนั้น จึงคาดว่ารายได้รวมสำหรับปี 2558 จะอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยรายได้รวมของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงสุดในปี 2558 เนื่องจากมียอดขายที่รอการส่งมอบในช่วงที่เหลือของปี 2558 มากถึง 4,400 ล้านบาท สำหรับรายได้รวมในปี 2559 และ 2560 นั้นได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวน 2,500 ล้านบาทและ 1,900 ล้านบาท ตามลำดับ
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาซึ่งเป็นผลจากการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม The River ในปี 2555 และโครงการ 185 Rajadamri ในปี 2557 อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 18%-20% ในช่วงปี 2555-2556 และเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 27% ในช่วงปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 อัตรากำไรสุทธิฟื้นตัวขึ้นเป็นประมาณ 10% ในช่วงปี 2555-2556 และ 19% ในช่วงปี 2557 ถึง 3 เดือนแรกของปี 2558 โดยเพิ่มขึ้นจาก -41% ในปี 2554 และ 2% ในปี 2553 อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะลดลงในช่วง 3 ปีข้างหน้าเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จทั้ง 2 โครงการอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการ The River และโครงการ 185 Rajadamri ทั้งนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าควรอยู่ในระดับที่สูงกว่า 10%
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษํทในช่วงปี 2550-2556 สูงกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ระหว่าง 58% ถึง 92% และดีขึ้นเป็น 50%-51% ในช่วงปี 2557 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 เนื่องจากบริษัทเริ่มมีการส่งมอบโครงการ 185 Rajadamri ตั้งแต่ต้นปี 2557 สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 60% แม้ว่าบริษัทจะมีแผนลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่ามากขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้าก็ตาม นอกจากนี้ ยังคาดว่ากระแสเงินสดและสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable