กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำและอุปสงค์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำประปา รวมทั้งกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาขายน้ำขั้นต่ำระยะยาวที่มีการปรับขึ้นราคาตามสูตร อันดับเครดิตของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากสถานะทางกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทต่อบริษัทแม่คือ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW; อันดับเครดิตองค์กร "A+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่") ด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความเสี่ยงจากการมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่หลากหลายและโอกาสที่ค่อนข้างจำกัดในการขยายธุรกิจไปในพื้นที่บริการใหม่ ๆ
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัท โดยทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะขยายธุรกิจโดยการเพิ่มภาระหนี้ด้วยความระมัดระวังเพื่อดำรงคุณภาพเครดิตของบริษัทเอาไว้ ปัจจัยที่เป็นบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับแผนการลงทุนที่จะก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต อย่างไรก็ดี หากบริษัทประสบปัญหาในการเพิ่มทุนหรือมีการลงทุนที่ทำให้เกิดภาระหนี้ที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็จะส่งผลลบต่อคุณภาพเครดิตของบริษัท นอกจากนี้ ในกรณีที่คุณภาพเครดิตของ EASTW เปลี่ยนแปลงไปก็จะส่งผลต่อคุณภาพเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัทยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย EASTW บริษัทก่อตั้งในปี 2541 เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารกิจการประปาและบริหารระบบบำบัดน้ำเสียทั้งในรูปสัญญาสัมปทาน สัญญาจ้างบริหาร และสัญญาเช่าบริหาร รวมทั้งบริการทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันบริษัทให้บริการน้ำประปาในเขตพื้นที่บริการ 10 เขต ด้วยกำลังการผลิตรวม 308,460 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน โดยบริษัทมีสัญญารับซื้อน้ำประปาจากคู่สัญญาในปริมาณขั้นต่ำรวม 151,283 ลบ.ม. ต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการระบบน้ำเย็นที่โครงการยอดพิมานริเวอร์วอล์คภายใต้สัญญาดำเนินการ 15 ปีโดยมีกำลังการผลิต 4,167 ตันความเย็นต่อวันด้วย ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทมาจากสถานีผลิตน้ำประปาที่สัตหีบ ระยอง บางปะกง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยมีรายได้รวมกว่า 60% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดของบริษัท
ฐานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากการมีความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำตามธรรมชาติของธุรกิจน้ำประปาและการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้น้ำประปา แม้ว่าการผลิตน้ำประปาจะใช้เทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน แต่ก็มีอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจในระดับหนึ่งเนื่องจากผู้ประกอบการต้องได้รับใบอนุญาตหรือสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังจะต้องมีแหล่งน้ำดิบและสิทธิผ่านทางในการวางท่อส่งน้ำในกรณีที่ต้องมีการวางระบบ เป็นต้น การลงทุนในธุรกิจน้ำประปาใช้ทุนในระดับปานกลาง แต่ผู้ประกอบการอาจต้องใช้เงินลงทุนสูงหากต้องการสร้างเครือข่ายท่อส่งน้ำหรือต้องการให้บริการผลิตน้ำประปาจากน้ำทะเล โดยต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่าระบบปกติถึง 10 เท่า บริษัทมีความเสี่ยงจากการมีการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นลูกค้ารายใหญ่แต่เพียงรายเดียวโดยรายได้จาก กปภ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถานะความน่าเชื่อถือของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่รับได้เนื่องจากมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้ โอกาสเติบโตของบริษัทในบางพื้นที่ก็ขึ้นอยู่กับเครือข่ายท่อส่งน้ำของ กปภ. ด้วย ทั้งนี้ หาก กปภ. ขยายเครือข่ายท่อส่งน้ำมากขึ้นเท่าใดก็จะช่วยเพิ่มอุปสงค์ของน้ำประปาและโอกาสเติบโตของบริษัทมากขึ้นเท่านั้น
อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากสถานะของกลุ่มและอันดับเครดิตของ EASTW ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการจำนวน 4 แห่งของบริษัทอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานที่ EASTW เป็นคู่สัญญา ความร่วมมือของบริษัทกับ EASTW ทั้งในเรื่องแหล่งน้ำดิบและการดำเนินงานส่งผลให้ผลประโยชน์โดยรวมของกลุ่มเพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อ EASTW ค่อนข้างสูงและเชื่อว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ทั้งในด้านปฏิบัติการและด้านการเงินเมื่อบริษัทต้องการ อย่างไรก็ดี การสนับสนุนจาก EASTW ก็อาจมีจำกัดเมื่อพิจารณาถึงแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทในอนาคต
เนื่องจากน้ำประปามีความจำเป็นต่อการบริโภค ความต้องการใช้น้ำประปาจึงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยอดขายน้ำประปาของบริษัทเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทโดยมาจากปัจจัย 2 ประการ คือ การเพิ่มขึ้นของความต้องการของผู้บริโภคและการขยายกำลังการผลิตในพื้นที่บริการเดิมประการหนึ่ง และการขยายไปยังพื้นที่ให้บริการใหม่ ๆ อีกประการหนึ่ง ยอดขายน้ำประปาของบริษัทเติบโตในอัตราเฉลี่ย 7% ต่อปีในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3% ต่อปี อย่างไรก็ดี แม้ธุรกิจให้บริการน้ำประปาจะมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีโอกาสในการขยายตัวในอนาคตในระดับปานกลางเนื่องจาก กปภ. ไม่มีนโยบายที่จะเปิดประมูลสัมปทานใหม่หรือให้เอกชนดำเนินการแทน ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทในธุรกิจนี้ บริษัทจึงต้องหาโอกาสในการขยายธุรกิจประปาจากการหาสัมปทานโดยตรงจากเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการในพื้นที่ที่ยังไม่มีบริการน้ำประปา
ความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์น้ำประปาเป็นปัจจัยสนับสนุนฐานะการเงินของบริษัท ในปี 2557 บริษัทมีรายได้ 1,263 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวรวมรายได้ค่าก่อสร้างภายใต้สัญญาสัมปทานจำนวน 269 ล้านบาทซึ่งได้บันทึกเป็นต้นทุนการผลิตเอาไว้ด้วย หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวแล้ว รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้า บริษัทมียอดขายน้ำประปารวม 75.6 ล้าน ลบ.ม. ในปี 2557 เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน สำหรับ 3 เดือนแรกของปี 2558 ความต้องการใช้น้ำประปาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและการขยายเครือข่ายท่อส่งน้ำในบางพื้นที่ให้บริการของบริษัทส่งผลให้ยอดจำหน่ายน้ำประปาของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 19.5 ล้าน ลบ.ม. รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 266 ล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 22%-31% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตรากำไรที่ต่ำในปี 2556
เกิดจากปัญหาเรื่องท่อส่งน้ำในพื้นที่สัตหีบที่ชำรุดซึ่งทำให้บริษัทมียอดขายน้ำในพื้นที่ดังกล่าวลดลง 11% นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องราคาค่าน้ำดิบที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย หลังจากมีการแก้ปัญหาเรื่องท่อชำรุดและการจัดการเรื่องแหล่งน้ำดิบกับ EASTW แล้ว อัตรากำไรของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้น โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 อัตรากำไรของบริษัทอยู่ที่ 34.6% ทั้งนี้ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงกว่า 30% ในปี 2558-2560
บริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 33%-36% ยกเว้นในปี 2556 ที่บริษัทมีปัญหาในการดำเนินงาน ในไตรมาสแรกของปี 2558 สภาพคล่องของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยสอดคล้องกับอัตราการทำกำไร อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 38.6% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) และมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ในระดับสูงที่ 8.3 เท่าในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558
บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับที่ดี โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับ 37%-39% ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ในอนาคตบริษัทมีแผนจะขยายกิจการทั้งในพื้นที่บริการเดิมและผ่านการซื้อกิจการ โดยในช่วงปี 2558-2560 บริษัทมีงบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจตามปกติที่ 100-250 ล้านบาทต่อปี ซึ่งบริษัทจะใช้เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเป็นหลัก นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะซื้อหุ้น 90% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดในบริษัทเอ็กคอมธารา จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจน้ำประปาในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและสมุทรสงครามมูลค่ารวม 1,918 ล้านบาทด้วย โดยบริษัทจะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน บริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงต้นปี 2559 และคาดหมายว่าจะเพิ่มทุนได้จำนวน 1,100-1,200 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนไปใช้ในการชำระหนี้ที่เกิดจากการซื้อกิจการ ซึ่งหากทั้งการลงทุนและการเพิ่มทุนประสบความสำเร็จตามแผน บริษัทก็จะสามารถดำรงฐานะทางการเงินในระดับดีได้ต่อไป อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 40% อย่างไรก็ดี หากแผนการเพิ่มทุนของบริษัทล่าช้าออกไป อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยจะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 60% ซึ่งบริษัทควรต้องมีแผนรองรับในการลดหนี้ในระยะ 2 ปีข้างหน้า
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงปี 2558-2560 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 5% จากการดำเนินงานปกติ และอัตราการเติบโตจะเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อรวมผลการดำเนินงานของบริษัทเอ็กคอมธารา ในส่วนของสภาพคล่องนั้น ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะไม่ประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 420 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2559-2560 ซึ่งรวมผลการดำเนินงานของกิจการใหม่ ทั้งนี้ กระแสเงินสดดังกล่าวจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท
บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (UU)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable