กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) จัดทัพทางธุรกิจ รับพันธมิตรใหม่ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าปรับธุรกิจเป็น 4 กลุ่มหลัก 1. Creative Solutions 2. Marketing Services 3. ASEAN Wings และ 4. Lifestyle Experience เดินหน้าขยายฐานตลาดเมืองไทย จากกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ (Business to Business) สู่การขยายตลาด สู่ผู้บริโภคทั่วไป (Business to Consumers) พร้อมเชื่อมั่นเพิ่มศักยภาพในรูปแบบ '3 More' 1. More Creativity การต่อยอดพัฒนางานในรูปแบบอื่น ที่นอกเหนือจากเดิม 2. More Speed เดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง แสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ และ 3. More Synergy เชื่อมโยงโอกาส เอื้อประโยชน์ การเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์ 'Hub of Creativity' ให้บริการธุรกิจสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) กล่าวว่า"ด้วยแผนยุทธศาสตร์การเติบโต ของอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ในการเดินหน้า ขยายการเติบโตไปยังช่องทาง และโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่โอกาสใหม่ๆ ด้วยจังหวะและความลงตัวทางธุรกิจ ทำให้ปีนี้ นอกจากอินเด็กซ์ฯ จะครบรอบ 25 ปีแล้ว นับว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอินเด็กซ์ฯ กับการมีพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ 'เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์' ผู้นำแห่งธุรกิจด้านไลฟสไตล์ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ (Lifestyle & Entertainment) ภายใต้ การบริหารงานโดย คุณแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) และด้วยการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ 'Co-Creation' ของอินเด็กซ์ฯ ด้วยการนำเอาจุดแข็ง ประสบการณ์ ศักยภาพในด้านความคิดสร้างสรรค์ของ 'อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ' ผนวกกับความแกร่งของ 'เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์' ในเรื่องของความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจไลฟสไตล์ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ การจับมือดังกล่าว จะทำให้เกิดการต่อยอดพัฒนางานในรูปแบบอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเดิม เพิ่มศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์ (More Creativity) สามารถทำการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าสร้างสรรค์งานได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ (More Speed) และเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง (More Synergy) พร้อมนำทัพสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน"
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่มเติม "นอกจากนี้อินเด็กซ์ฯ ยังมีการจัดทัพ ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมการทำงาน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ภายใต้ความคิดสร้างสรรค์ ดังนี้
1. กลุ่มธุรกิจ Creative Solutions งานบริการด้านความคิดสร้างสรรค์ ประกอบด้วย
- ด้านอีเว้นท์ (Event Creator) ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์ประสบการณ์งานอีเว้นท์
- ด้านงานผลิตรายการทีวี (TV Production) การผลิตรายการด้วยไอเดียที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร
- ด้านดิจิตอล ออนไลน์ (Digital Online) ให้คำปรึกษา และจัดทำแผนการตลาดในโลกออนไลน์รวมถึงแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์
- ด้านอินสโตร์ มีเดีย (In-store Media) สื่อสำหรับอินสโตร์ ทั้งสื่อทั่วไป และสื่อนวัตกรรมพิเศษ
- ด้านการสื่อสาร (Communications) การวางแผนกลยุทธ์การสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์
- ด้านเอ็กซิบิชั่น และนิทรรศการถาวร (Museum & Exhibition) การวางกลยุทธ์ และบริหารจัดการงานด้านเอ็กซิบิชั่น และนิทรรศการถาวร
2. กลุ่มธุรกิจ Marketing Services งานบริการส่งเสริมด้านการตลาด ประกอบด้วย
- ด้านงานวิจัย (Research Consulting) ที่ปรึกษางานวิจัย และวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
- ด้านการบริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Marketing Consulting) การศึกษาความเป็นไปได้ วิเคราะห์วางแผนกลยุทธ์
- ด้านธุรกิจให้บริการ และให้เช่าอุปกรณ์ (Equipment Supply) การให้บริการ เพื่อความพร้อมในการดำเนินงานด้านการตลาดอย่างสมบูรณ์แบบ
3. กลุ่มธุรกิจการดำเนินงานในภูมิภาค (ASEAN Wings) งานด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน กับการขยายธุรกิจออกสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน อาทิ ประเทศเมียนมาร์ เวียดนาม รวมถึงประเทศในแผนยุทธศาสตร์ เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
4. และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle Experience คือ กลุ่มธุรกิจที่สร้างประสบการณ์ใหม่ และตอบสนอง ไลฟสไตล์ของผู้บริโภคทั้งในด้านบันเทิง และในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างกลุ่มธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ และเวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ประกอบด้วย
- ด้านคอนเสิร์ตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ (Domestic & International Concert)
- ด้านโชว์บิซ (Showbiz) ทางเลือกใหม่ของงานแสดงบนเวที ผสานเทคนิคทันสมัย
- ด้านไลฟ์ เฟสติวัล (Live Festival) งานแสดงรูปแบบใหม่ รวมถึงงานเทศกาลพิเศษ
- ด้านนิทรรศการในรูปแบบโรดโชว์ (Traveling Exhibition) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ด้วยศักยภาพของ 'อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ' กับประสบการณ์มากกว่า 25 ปี เสริมกับ 'เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์' ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในงานด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จะสามารถเติมเต็ม และเสริมความแข็งแรง ซึ่งกันและกันได้ดี โดยเฉพาะในส่วนงานของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle Experience งานด้านโชว์บิซ (Showbiz) ทั้งในส่วน ของคอนเสิร์ต ละครเวที และธุรกิจทีวี รวมถึงการต่อยอดการทำงานในรูปแบบอื่นๆ ในฐานะที่ 'เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์' นับว่าเป็น 'คอนเทนท์ โพรไวเดอร์' (Content Provider) ผนวกกับอินเด็กซ์ฯ มีความพร้อมทั้งในเรื่องฮาร์ดแวร์ และซอฟแวร์ ไอเดียสร้างสรรค์ รวมถึงอุปกรณ์ด้านมัลติมีเดีย อย่างครบวงจร รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ และทีมงาน ซึ่งจะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ที่จะเจาะไลฟ์สไตล์ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อผู้บริโภคในปัจจุบันได้ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์ 'Hub of Creativity' ร่วมกัน"
ด้านนายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เสริมว่า "ความร่วมมือ และการดำเนินงานดังกล่าว จะช่วยเดินหน้าขยายฐานตลาดเมืองไทย จากกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจ (Business to Business) สู่การทำการตลาดกับผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น (Business to Consumers) โดยเฉพาะในเรื่องของกลุ่มธุรกิจโชว์บิซ (Showbiz) ที่จะมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยในเดือนสิงหาคม ประเดิมด้วย ละครเวทีฟอร์มยักษ์ รอยดุริยางค์ เดอะมิวสิคัล จัดแสดง ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับวงการเอ็นเตอร์เทนเมนท์เมืองไทยอย่างต่อเนื่อง"
"การเปลี่ยนแปลงพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่า จะช่วยวางรากฐานโครงสร้างของธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ให้แข็งแรง และเติบโตมากยิ่งขึ้น สร้างมุมธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศ ตามยุทธศาสตร์การเติบโตในฐานะผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ เป็น Hub of Creativity ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมั่นใจว่าการผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่นี้ จะสามารถสร้างรายได้ให้กับอินเด็กซ์ฯ เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปี อย่างแน่นอน" นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย