กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--ไอทูซี คอมมิวนิเคชั่นส์
CPL เมินภาพรวมส่งออกไทยซบเซา ชี้แนวโน้มส่งออกหนังวัวฟอกสำเร็จรูปสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นเติบโตสวนกระแส ระบุความต้องการในตลาดโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลรายได้ Q1/58 โต 32% ขณะที่กำไรพุ่งกว่า 134% พร้อมชู 3 จุดแข็ง ทั้งฐานะการเงิน เทคโนโลยีการผลิตและการตลาดที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ช่วยหนุนธุรกิจเติบโต เชื่อรายได้จากการขายครึ่งปีแรก 2558 ยังเป็นไปตามเป้า แม้เผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนใน Q2
นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า แม้ว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้จะไม่ดีนัก แต่การส่งออกหนังวัวฟอกสำเร็จรูปสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรองเท้ายังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวส่งผลดีต่อ CPL โดยตรง ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตหนังวัวฟอกสำเร็จรูปที่มีสัดส่วนการส่งออก 90% และมีฐานลูกค้าเป็นแบรนด์รองเท้าชั้นนำทั่วโลก
ทั้งนี้ CPL เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหนังวัวฟอกสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของแบรนด์ชั้นนำของโลก อาทิเช่น อาดิดาส (ADIDAS), ลาคอสต์ (LACOSTE), ทิมเบอร์แลนด์ (TIMBERLAND), รีบอค (REEBOK) และอื่นๆ ที่สั่งซื้อเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตรองเท้ากีฬา และรองเท้าลำลอง ซึ่งปัจจุบัน ปริมาณการผลิตหนังวัวฟอกสำเร็จรูปของบริษัทฯ อยู่ที่ 2.5 ล้านตารางฟุตต่อเดือน คิดเป็นการใช้กำลังการผลิตราว 85% โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอินเดีย รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่เป็นฐานการผลิตรองเท้าแบรนด์ชั้นนำ
"การส่งออกหนังวัวฟอกสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยเฉพาะรองเท้า ยังเติบโตได้อีกมาก สะท้อนจากในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ CPL สามารถสร้างการเติบโตได้ทั้งยอดขายและกำไร โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 624.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151.85 ล้านบาท หรือ 32.11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้จากการขาย 472.90 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.06 ล้านบาท คิดเป็น 134.65% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 15.64 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิน) ก็เพิ่มขึ้น 2.54% เนื่องจากเราสามารถขายสินค้าที่มีมูลค่าสูงในปริมาณที่มากกว่าสินค้าที่มีมูลค่าทั่วๆ ไป" นายสุวัชชัยกล่าว
นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้ดำเนินกลยุทธ์ Make to Stock ซึ่งเป็นการรับรู้ประมาณการคำสั่งซื้อจากลูกค้าล่วงหน้า ทั้งปริมาณและกำหนดการส่งสินค้า ทำให้บริษัทฯ สามารถกำหนดกลยุทธ์การผลิตสินค้าตั้งแต่ไตรมาส 4/2557 และส่งสินค้าให้กับลูกค้าในไตรมาส 1 ของปี 2558 ในขณะเดียวกันก็สามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น และควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ยอดขายและกำไรของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาสที่ 2/2558 คาดว่า CPL จะยังคงรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายไว้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า บริษัทฯ อาจจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนบ้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้บริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว จึงไม่มีอะไรน่าเป็นกังวล ดังนั้น ภาพรวมของธุรกิจในครึ่งแรกของปีนี้ น่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
รองกรรมการผู้จัดการ CPL กล่าวด้วยว่า แม้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมในตลาดโลกยังคงมีการเติบโต แต่หากบริษัทฯ ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ก็อาจจะไม่สามารถเกาะเกี่ยวกระแสการเติบโตดังกล่าวได้ โดยจุดแข็งที่สำคัญของบริษัทฯ มีอยู่ 3 ด้าน ประกอบด้วย ความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ในระดับที่ต่ำมาก โดยมีสภาพคล่องเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุนหรือขยายธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีความแข็งแกร่งด้านการผลิต โดยมีเทคโนโลยีและความรู้ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมฟอกหนัง จนทำให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล และสุดท้ายบริษัทฯ ยังมีการตลาดที่เข้มแข็ง สะท้อนจากการที่บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้ผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่องกับพันธมิตรผู้ผลิตแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในระดับโลก