กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมในการตรวจความพร้อมการจัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษ พร้อมด้วย นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ณ ศูนย์ฝนหลวงพิเศษนครสวรรค์ ตามพระประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษขึ้นในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ 1) ฐานปฏิบัติการสนามบินจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งรับผิดชอบในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในการเติมน้ำในเขื่อน และช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรม ประกอบด้วยเครื่องบิน 4 ลำ แบ่งเป็น เครื่องกาซ่า 2 ลำ และเครื่องบินคาราแวน 2 ลำ และ 2) ฐานปฏิบัติการสนามบินจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งรับผิดชอบปฏิบัติการฝนหลวงในเขตภาคเหนือ ประกอบด้วยเครื่องบิน 3 ลำ แบ่งเป็น เครื่องกาซ่า 2 ลำ ซีเอ็น 235 จำนวน 1 ลำ เพื่อเติมน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ โดยศูนย์ฝนหลวงพิเศษ จะเริ่มขึ้นบินเสริมการปฏิบัติการฝนหลวงที่มีอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 58 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะคลี่คลายกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ปัจจุบันกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ ได้จัดส่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงออกไปให้การช่วยเหลือประชาชน รวม 2 หน่วย ได้แก่ ที่จังหวัดกาญจนบุรี มีการขึ้นบินไปแล้ว 72 วัน รวม 295 เที่ยวบิน มีฝนตก 69 วัน และจังหวัดลพบุรี มีการขึ้นบินไปแล้ว 69 วัน รวม 216 เที่ยวบิน มีฝนตก 62 วัน
สำหรับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ มีการขึ้นบินไปแล้ว 97 วัน รวม 305 เที่ยวบิน มีฝนตก 81 วัน และจังหวัดพิษณุโลก มีการขึ้นบินแล้ว 98 วัน รวม 361 เที่ยวบิน มีฝนตก 86 วัน
"การจัดตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษขึ้นนั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อให้ดำเนินการทำฝนหลวงได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การนำสารในวังที่มีปฏิกิริยากับเมฆทำให้เกิดปริมาณฝนที่มากขึ้น การส่งผู้แทนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำฝนหลวงมาให้คำแนะนำกรมฝนหลวงและการบินเกษตร การนำองค์ความรู้และแนวทางมาใช้ให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน และที่สำคัญคือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย" นายชวลิต กล่าว