กรุงเทพฯ--1 ก.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 3 ในไตรมาส 1/58 เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโตในลักษณะเร่งขึ้นในช่วง 4 ไตรมาสติดต่อกัน ในช่วง Q1-Q4 2557 อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับต่ำ และขยายตัวช้าลงในไตรมาส 1/58 เหลือแค่ร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เมื่อปรับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลออกแล้ว โดยไตรมาส 4/57 ขยายตัวร้อยละ 1.1 ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าที่แท้จริงยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดการเติบโตเศรษฐกิจ เป็นผลจากอุปสงค์ที่ต่ำในเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังซบเซา ถึงแม้ว่าจะมีแรงหนุนจากราคาพลังงานที่ต่ำลง ซึ่งหลัก ๆ แล้วเป็นผลจากบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ไม่สดใสส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง และการเติบโตของรายได้ที่ต่ำ เมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความเสี่ยงเชิงลบที่มีต่อการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เอชเอสบีซีจึงปรับลดคาดการณ์เติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงจากร้อยละ 3.6 มาเป็นร้อยละ 3.1 แต่ปรับเพิ่มการเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ทีร้อยละ 3.3 จากร้อยละ 3.1 รวมทั้งปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้อยู่ที่ติดลบร้อยละ 0.4 จากร้อยละ 0.0 เนื่องจากมีความกดดันด้านราคาสินค้ามีมากกว่าที่คาดไว้เดิมในช่วง 5 เดือนแรกของปี แต่ยังคาดว่าเงินเฟ้อจะกระเตื้องขึ้นในปีหน้า เนื่องจากฐานที่ต่ำ เราจึงปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อลงมาเพียงเล็กน้อยเหลือที่ร้อยละ 2.3 จากร้อยละ 2.6
ผลจากปัจจัยทั้งหมดนี้ และความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตเศรษฐกิจ จึงทำให้เราคาดว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก เพื่อพยุงการเติบโตของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.25 ภายในไตรมาสที่ 3 และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.25 ในจนถึงปลายปี 2559 (จากเดิมคาดว่าจะปรับขึ้นจากร้อยละ 1.50 สู่ร้อยละ 1.75 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 59)
ทั้งนี้ เอชเอสบีซี คาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ สู่ระดับ 0.25-0.50% และในปี 59 จะมีการปรับขึ้นอีกร้อยละ 0.5 เป็น 0.75-1.00% ภายในสิ้นปี 59 ซึ่งเป็นการปรับในระดับที่น้อยกว่าการคาดการณ์ล่าสุดของเฟด โดยส่วนหนึ่งเนื่องจากอัตราค่าจ้างยังขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าแนวโน้มในอดีตค่อนข้างมาก ส่งผลให้การปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% เป็นไปอย่างเชื่องช้า