กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--มายด์ แบรนด์ เอเจนซี่
"ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทั้งขว้าง เป็นของมีค่า ชาวนาเหนื่อยยาก ลำบาก หนักหนา กว่าจะได้ข้าวมา เปลืองแรงเปลืองทุน ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณคุณครูปรานีเกื้อหนุน หนูทดแทนพระคุณด้วยการทำดี" เสียงเจื้อยแจ้วท่องบทขอบคุณข้าวของหนูน้อยวัยใสชั้นอนุบาล 1-3 จากโรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์ กรุงเทพฯ กว่า 30 ชีวิต ดังมาจากศาลาโรงนา อาหารเที่ยงมื้อนี้พิเศษกว่ามื้อไหนๆ เพราะวันนี้คุณครูยกโรงอาหารของหนูๆ มาไว้กลางทุ่งนา ภายใน "สวนลุงเขียด" (สวนเกษตรอินทรีย์สุขใจของสามพรานริเวอร์ไซด์) เพื่อมาร่วมสนุกกับกิจกรรม "รู้คุณค่า-สำนึกคุณข้าว" นั่นเอง
นอกจากเป็นมื้อพิเศษสุดแสนประทับใจสำหรับเด็กน้อยแล้ว วันนี้ พวกเขายังได้ร่วมสนุกกับการเรียนรู้เรื่องคุณค่าของข้าว และที่มาของอาหารอินทรีย์ ผ่านฐานกิจกรรมต่างๆ โดยมีลุงเขียด พี่เจี๊ยบ พี่ทราย และพี่ๆ ทีมงานจากโรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ มาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยแนะนำให้ข้อมูล และพาไปทำกิจกรรมสนุกๆ กัน เริ่มจากเรียนรู้เรื่องที่มาของอาหารปลอดภัย โดยการทำเกษตรแบบไม่พึ่งพาสารเคมี ดูการเลี้ยงไส้เดือน การทำชีวภัณฑ์ชนิดต่างๆ จากนั้นไปเก็บผัก เก็บไข่ และไฮไลต์ของกิจกรรมวันนี้ คือการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนากับลุงเขียด ตั้งแต่ ปลูก จน ปรุง ซึ่งทุกกิจกรรมทั้งสนุกสนาน ตื่นเต้น และสร้างความประทับใจให้เด็กจดจำ
นายอรุษ นวราช กรรมการผู้จัดการ โรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ และเลขานุการมูลนิธิสังคมสุขใจ กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดสวนลุงเขียด ซึ่งเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ของโรงแรมให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ก็มีหน่วยงานต่างๆ ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย ภาครัฐ ภาคเอกชน ชาวต่างประเทศ ขอมาเรียนรู้วิถีชีวิตไทย วิถีการทำเกษตรอินทรีย์ เช่นเดียวกันกับกิจกรรม "รู้คุณค่า – สำนึกคุณข้าว" ที่ทางโรงแรมได้จัดขึ้นตามความประสงค์ของโรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์ ที่อยากให้เด็กๆ ได้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตชาวนาแบบดั้งเดิม ได้เรียนรู้ที่มาของข้าวตั้งแต่ขั้นตอนการปลูกจนปรุงเป็นอาหาร และสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับที่มาของอาหารอินทรีย์ โดยเน้นให้เขาได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยตัวเอง ซึ่งทางโรงแรมมีนโนบายส่งเสริมเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็มีความยินดี ที่จะปรับฐานการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ภายใน 1 วันที่เขาเข้ามาใช้ชีวิตที่สวนลุงเขียด มีคุณค่ามากที่สุด
"เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่โรงเรียนอนุบาลสร้างสรรค์อยากปลูกฝังให้นักเรียนรู้ได้เรียนคุณค่าของอาหารรู้ที่มาของข้าว ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากของชาวนาที่กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ด ก็เชื่อว่ากิจกรรมนี้จะทำให้เด็กๆ รู้สำนึกคุณค่าของข้าและเห็นความสำคัญของการเลือกทานอาหารปลอดภัยด้วยตัวของเขาเอง"
ด้าน ครูปวีณา พลวิทย์ (ครูกบ) ครูใหญ่ของโรงเรียน บอกว่า การที่โรงแรมฯ เปิดพื้นที่ให้กับเด็กๆ ได้เข้ามาเรียนรู้วิถีชาวนา นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ล้ำค่าสำหรับเด็กๆ รวมถึงผู้ปกครองและคุณครู เพราะที่นี่มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้เรียนรู้ และลงมือทำกันจริงๆ โดยเฉพาะการ ดำนา ซึ่งเด็กๆ จะตื่นเต้นและชอบมากไม่เคยสัมผัสโคลนกันมาก่อน เลยกลายเป็นเรื่องสนุกไม่ยอมขึ้นจากนา
ส่วน "ลุงเขียด" หรือ นายอนิรุทธิ์ ขาวสนิท ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจาก โรงแรมสามพราน ริเวอร์ไซด์ ให้ทำหน้าที่ดูแลสวนแห่งนี้ และเป็นผู้มีความรู้เรื่องกระบวนการทำนาเป็นอย่างดี บอกว่า การปลูกฝังสำนึกคุณค่าข้าว ที่ดีที่สุด ก็คือเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลงมือทำตั้งแต่กระบวนการแรก
"อย่างวันนี้ เราจะสอนเด็กๆ ได้เรียนรู้เส้นทางที่มาของข้าว ตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การเพราะต้นกล้า การดำนา การเกี่ยวข้าว ฟัดข้าว สีข้าวด้วยเครื่องสีโบราณ จากนั้นเข้าสู่ขั้นตอน การหุงข้าว โดยใช้หม้อดินหุงด้วยเตาถ่านแบบโบราณให้เด็กได้ดูและได้ชิมกันจริงๆ ซึ่งทุกขั้นตอนเราพยายามชี้ให้เด็กๆ เห็นความยากลำบากของชาวนา ที่กว่าจะได้ข้าวมาให้เด็กๆ ได้กินเป็นอาหารเลี้ยงร่างกายจนเติบโต ให้เขารู้สำนึกถึงคุณค่าของข้าว และอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ" ลุงเขียด เล่าให้ฟัง
ด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ท่ามกลางท้องทุ่งนาเช่นนี้ มีหลายอย่างให้ศึกษาเรียนรู้ ความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น อยากทดลองทำ บางครั้งไม่อาจต้านทานเสียงปรามของคุณครูได้เลย ยิ่งลุงเขียดบอกว่า ที่นี่เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างอิสระ ทำให้เด็กๆ สนุกสนานกันใหญ่ บางคนขอลงดำนาสองรอบสามรอบ บ้างก็ไม่ยอมออกจากเล้าเป็ด บางคนก็ขอสนุกกับการเก็บผัก งานนี้พี่เลี้ยงจึงต้องทำงานหนักหน่อย
และแล้วก็ล่วงเลยมาถึงเที่ยง ได้เวลาอาหารกลางวันของหนูๆ ลุงเขียด พี่เจี๊ยบ ทราย รวมทั้งคุณครู ผู้ปกครอง ช่วยกันหุงหาอาหาร มีทั้งเมนูไข่เจียว ไข่เจียวมะเขือยาว ผัดผัก ที่เด็กๆ ช่วยกันเก็บ แล้วนั่งล้อมวงรับประทานกันในศาลาโรงนา อาหารมื้อนี้ช่างพิเศษยิ่งนักเพราะเด็กๆ ช่วยกันเก็บไข่ เก็บผัก ด้วยสองมือของพวกเขาเอง
ก่อนจากลากัน พี่เจี๊ยบ กับพี่ทราย ยังเซอร์ไพรส์ ด้วยการเตรียมต้นมะลิไว้ให้หนูๆ ช่วยกันปลูกลงในกระถางกาบมะพร้าวมอบให้กับคุณครู เพื่อเป็นการขอบคุณคุณครูอีกด้วย
"สนุกมาก ๆ ค่ะ ชอบดำนา เพราะไม่เคยได้ลงนาแบบนี้เลย เห็นแต่คนทำนาในโทรทัศน์ ลุงเขียดบอกว่า กว่าชาวนาจะได้ข้าวมาให้พวกหนูกินยากลำบากนัก เพราะฉะนั้นต้องกินข้าวให้หมดชาม อย่าให้เหลือ และหนูได้เห็นการหุงข้าวกับหม้อดินที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าแปลกดีสนุกทุกกิจกรรมเลยค่ะ" น้องจันทร์เจ้า หรือ ด.ญ.ศศิธารา สิงห์คำ อายุ 5 ขวบ ชั้น อนุบาล 3 บอกเล่าความสุขที่ได้สัมผัสในวันนี้ให้ฟัง
ส่วย น้องไททั่น หรือ ด.ช. พจวัฒน์ วิริยะนันท์ ชั้นอนุบาล 2 บอกว่า เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้มาทำกิจกรรมแบบนี้ ตื่นเต้นมาก ได้เก็บผัก ได้เห็นการเลี้ยงไส้เดือน ได้ทำนา และมีการสีข้าวด้วยเครื่องสีข้าวแบบโบราณ อยากทดลองทำบ้าง แต่ลุงบอกว่าหนูยังตัวเล็ก อีกอย่างที่หนูชอบได้เข้าไปเก็บไข่เป็ดมาทำไข่เจียว อร่อยมากๆ เลยอยากให้คุณครูพามาอีกครับ
"สังคมในยุคปัจจุบัน พ่อแม่ไม่มีเวลา โรงเรียนเองไม่มีพื้นที่ให้เด็กเรียนรู้ การท่องบทขอบคุณข้าวมันไม่เห็นภาพ เด็กจินตนาการไม่ได้ และการที่เขาได้ออกมาสัมผัสของจริงด้วยตัวเองแบบนี้ อย่างน้อยช่วงหนึ่งของชีวิตเขาได้ซึมซับสิ่งดี ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจให้เด็กจดจำได้อย่างดีเยี่ยม" ครูกบ กล่าวทิ้งทาย ก่อนลาจากสวนลุงเขียด
สำหรับโรงเรียน และผู้ปกครอง ที่ต้องการให้นักเรียนสัมผัสวิถีชีวิตชาวนา เรียนรู้การทำนาปลูกข้าวแบบวิถีดั้งเดิม โรงแรมสามพรานริเวอร์ไซด์ ก็ได้เตรียมกิจกรรม "ตะลุยสวนลุงเขียด ดำนาวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ในวันที่ 12 สิงหาคม 2558 ดูรายละเอียดกิจกรรมได้ที่เว็บไซต์ www.sampranriverside.com หรือ โทร. 034-322-588-93