กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
ณ ปัจจุบันกรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 9 หน่วย คือ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสระบุรีและอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเพิ่มอีก 2 ศูนย์ คือศูนย์ฝนหลวงพิเศษจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ฝนพิเศษจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของราษฎรที่ขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค และการทำการเพาะปลูก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดศูนย์ดังกล่าวขึ้น เพื่อบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้ง ณ ขณะนี้ และเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน 4 เขื่อน (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน) อีกทั้งยังเป็นการเสริมการปฏิบัติฝนหลวงที่มีอยู่เดิม ในการดูแลพื้นที่การเกษตรทั้ง 5 ภาค ที่ยังได้รับปริมาณน้ำไม่เพียงพอ สำหรับศูนย์ฝนหลวงพิเศษ ทั้ง 2 ศูนย์ ได้เริ่มปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นไป
สรุปผลการปฏิบัติการฝนหลวงตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติฝนหลวงปี 2558
ตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2558 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 119 วัน มีวันฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวง คิดเป็น ร้อยละ 92.0 ขึ้นปฏิบัติงานจำนวน 3,101 เที่ยวบิน จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 70 จังหวัด ที่ร้องขอฝนมายังหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ต่างๆ
จากรายงาน พบว่าการปฏิบัติการฝนหลวงที่ผ่านมาก็ประสบผลสำเร็จพอสมควร โดยทำให้มีฝนตกในหลายพื้นที่ โดยมีวันฝนตกเฉลี่ย ๙๕% ของวันที่ขึ้นบินปฏิบัติการ แต่ก็ยังมีปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอที่จะเริ่มต้นการเพาะปลูกพืชนาปีในระยะนี้ ประกอบกับสภาวะอากาศในระยะต่อไปนี้ก็ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของเอลนิโญ่ ที่ไม่เอื้ออำนวยให้เกิดฝนธรรมชาติตกต้องตามฤดูกาล และจากการติดตามสภาพอากาศในช่วงนี้ก็ยังน่าเป็นห่วง ถึงอย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงเร่งปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งและเร่งเติมน้ำเขื่อนต่อไป