กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--OHCHR-Bangkok
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (OHCHR) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการดำเนินคดีอาญาต่อนักศึกษาซึ่งถูกจับกุมเนื่องจากการชุมนุมโดยสงบในที่สาธารณะในกรุงเทพฯ และปล่อยตัวพวกเขาจากสถานที่ควบคุมโดยทันที สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนการใช้กฎหมายที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมให้สอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจับกุมนักศึกษา 14 คน ในกรุงเทพฯ ตามหมายจับที่ออกโดยศาลทหารในข้อกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำเพื่อก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ตามมาตรา116 ของประมวลกฎหมายอาญา ข้อกล่าวหานี้ถูกเชื่อมโยงกับการชุมนุมที่นักศึกษาจัดขึ้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน มาตรา 116 มีระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกินเจ็ดปี
นักศึกษาได้ถูกออกหมายจับมาก่อนแล้วจากการจัดการชุมนุมโดยสงบทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมาในโอกาสครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร การชุมนุมดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งฉบับที่ 3/2558 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งระบุห้ามการชุมนุมทางการเมืองที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และมีระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกินหกเดือน
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นักศึกษาอีกสองคนถูกดำเนินคดีในศาลทหารกรุงเทพฯ ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช.และเข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นักศึกษาคนหนึ่งเข้ารายงานตัวกับตำรวจเมื่อวันที่22 มิถุนายนและได้รับการประกันตัว ในขณะที่ นักศึกษาอีกคนหนึ่งถูกจับกุมจากหมายจับดังกล่าวระหว่างกำลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
ประเทศไทยในฐานะที่เป็นภาคีสมาชิกของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง มีพันธกรณีที่จะต้องรับรองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก (ข้อ 19) และ สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ (ข้อ 21) แม้ว่าสิทธิทั้งสองตามกติการะหว่างประเทศนี้จะสามารถถูกจำกัดได้ แต่การจำกัดสิทธิดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และคำนึงถึงความจำเป็นว่าเป็นไปเพื่อ
วัตถุประสงค์ที่มีความชอบธรรมหรือไม่ และได้สัดส่วนกับความจำเป็นหรือไม่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ มีความกังวลว่าการดำเนินคดีอาญาที่มีระวางโทษจำคุกยาวนานต่อการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและการแสดงออก ถือว่าไม่มีความจำเป็นและไม่ได้สัดส่วน
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 หนึ่งวันหลังจากที่มีการรัฐประหาร ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐานโดยคสช. โดยให้ความเห็นว่าเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ไขประเด็นปัญหาทางการเมืองที่ยุ่งยากโดยผ่านการพูดคุยหารือและการอภิปราย ขณะนี้ นับเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว แม้รัฐบาลจะให้คำมั่นว่าจะนำหลักนิติธรรมกลับคืนมา แต่การจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐานยังคงมีอยู่ต่อไป