กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--โชอิง
บทประพันธ์ เปี๊ยก โปสเตอร์
ประสานงานการผลิตโดย ฐากร วงษ์สัจจะ (รัญญ์ เมืองลพ)
บทโทรทัศน์ นภาพล/อมรศรี
กำกับการแสดงโดย ประยูร วงษ์ชื่น
ผลิตโดย บริษัท โชอิง จำกัด
คาแร็คเตอร์นักแสดง
เด่นดวง รับบทโดย นวพล ภูวดล
ชายหนุ่มหน้าตาดี อายุประมาณ 20-25 ปี ร่าเริงแจ่มใส อ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนไหว ขี้สงสาร แต่แอบเจ้าชู้เล็กๆ ชอบการร้องเพลง ขยันมีความคิดสร้างสรรค์
พิมพ์พรรณ รับบทโดย อารยา เอ ฮาร์เก็ต
สาวสวยหน้าตาดี อายุประมาณ 20-22 ปี เป็นคนดีมีเมตตาใจโอบอ้อมอารี มีคุณธรรม เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง กล้าคิดกล้าทำพร้อมที่จะเป็นผู้นำ คอยแอบช่วยเหลือดวงในทุกๆ เรื่อง
จิรกร (กอน) รับบทโดย กระรอก เชิญยิ้ม
เพื่อนสนิทเด่นดวง อายุประมาณ 25-30 ปี เป็นคนสนุกสนาน ชอบร้องเพลงใฝ่ฝันอยากจะเป็นดารา ซึ่งค้านกับหน้าตาที่ไม่ค่อยจะเอาไหน และมีความเรื่องดวง มีน้ำใจต่อผู้อื่น ภายหลังได้เป็นพระเอกลิเกแทนพระเอกหนัง
นีน่า รับบทโดย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี
สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ยั่วยวนใจชาย อายุประมาณ 20-25 เป็นนักร้องสาวพราวเสน่ห์ ไม่มีความจริงจังกับใคร เห็นเงินเป็นใหญ่ ใช้เสน่ห์ของตัวเองหลอกดวงจนหมดตัว แต่ก็มาพลาดกับดักที่ครรชิตวางไว้ จนต้องตกเป็นทาสคอยหาเงินมาเลี้ยงครรชิตและบริวาร
เกรียง กรุงไกร รับบทโดย ปีเตอร์ โฟติฟาย
นักร้องหนุ่มชื่อดังแห่งยุค อายุประมาณ 30-35 ปี เป็นที่ชื่นชอบของมหาชน แต่ตัวจริง เกรียง จะเป็นคนหยิ่งยโส เห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทรยศได้แม้กระทั่งครูเพลงที่ปั้นมา ชอบดูถูกคนที่ด้อยกว่า เจ้ายศเจ้าอย่าง
ครรชิต รับบทโดย อัครพล ทองธราดล
หนุ่มหน้ามนอายุประมาณ 25-30 ปี นิสัยไม่ดี มีความชั่วร้ายภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลา ใช้ความหล่อของตัวเองเป็นช่องทางในการทำมาหากินกับผู้หญิง เจ้าวางแผนในเรื่องการโกงสารพัด
ลุงรอด รับบทโดย ไพโรจน์ ใจสิงห์
ชายชราอายุประมาณ 60 ปี เป็นคนจิตใจโอบอ้อมอารี แต่เกรงใจเมีย อยู่ต่อหน้าเมียจะเหมือนแมวเชื่องๆ แต่ลับหลังจะทำตัวเหมือนเสือได้กลิ่นสะหมัน
เจ๊อ้อย รับบทโดย เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง อายุประมาณ 50-55 ปี เมียลุงรอด เป็นคนขี้หึง รังเกียจคนจนเฉพาะคนที่มาชอบลูกสาวแก่ มีความเชื่อเรื่องดวงมาก และก็พยายามหาผู้ชายรวยๆ มาให้รู้จักกับลูกสาว คือ พิมพ์
แมน เมืองราช (ครูเพลง) รับบทโดย สุรชัย สมบัติเจริญ
ครูเพลงขี้เหล้า อายุประมาณ 50-55 ปี เคยยิ่งใหญ่ในการปลุกปั้นนักร้องมามาก พลาดเพราะขัดใจเกรียง กรุงไกร เรื่องผู้หญิง จนลาออกทิ้งวงทิ้งหนี้สิ้นให้ครูแมนรับผิดชอบ ต่อมาก็ปั้นดวงขึ้นเป็นนักร้องดัง
นายบรรเลง รับบทโดย แฉ่ง ช่อมะดัน
คู่หูคู่ฮากับลุงรอด อายุประมาณ 40-45 ปี เป็นคนสนุกสนานเจ้าชู้ แต่มีความอ่อนน่อมถ่อมตนและกตัญญู เป็นลูกศิษย์ของครูแมน และแอบเป็นโปรดิวเซอร์ลับๆ ให้กับดวง
นางวิไล รับบทโดย นันทนา บุญบันเทิง
เจ้าของคณะลิเก อายุประมาณ 40-50 ปี เป็นคนปากหวานก้นเปรี้ยว พูดจาไพเราะอ่อนหวานน่าเชื่อถือ แต่ขี้เหนียวสุดๆ โดยเฉพาะค่าตัวลูกน้อง
ปัญญา(นางห้างเพ้ง) รับบทโดย กรุง ศรีวิไล
เป็นคนเชื้อสายจีน เจ้าชู้สนุกสนานเฮฮาชอบเสียงเพลง เชื่อคนง่ายจ่ายไม่อั้น และหยิ่งในศักดิ์ศรี
นายห้างมงคล(เฮียหมง) รับบทโดย เด่น ดอกประดู่
เจ้าพ่ออิทธิพล เป็นคนเจ้าเล่ห์ มีเชื่อสายจีน เห็นแก่ตัว นิสัยพ่อค้าเต็มร้อยคอยฉกฉวยโอกาสจากความดังของคนอื่น หน้าด้านไม่มีใครเหมือน
นายดอน รับบทโดย ปิยะ ตระกูลราษฎร์
เป็นคนใจดีมีเมตตา อายุประมาณ 50-55 ปี และธัมมะ ธัมโม มองคนในแง่ดี พ่อของดวง มีอาชีพทำไร่ ขยันสู้งาน ส่งเสียดวงจนเรียนจบ
ระเวก(วอกแวก) รับบทโดย ขมิ้น เชิญยิ้ม
ชายวัยประมาณ 30 ปี หน้าตาดุดัน เป็นคนขี้ระแวงอิจฉา ชอบทำร้ายคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล แต่จะชอบเรื่องโชคลางคำทำนายของหมอดูผิดๆ จึงมองคนอื่นเป็นศัตรูไปหมด เป็นนักเลงคอยติดสอยห้อยตามครรชิต
คุณนายชม้อย รับบทโดย ปทุมวดี โสภาพรรณ
เศรษฐีนี สาวแก่ วัย 60 ปี ขี้โรค และชื่นชอบลิเก เคยเป็นแม่ยกให้กับลิเกหลายคณะ ต่อมาก็ติดใจกอน จนเสนอให้กอนเลิกเล่นลิเกแล้วแต่งงานอยู่กินกับตน
หมอยิ่งแม่น รับบทโดย วีรชัย หัถโกวิทย์
คนหนุ่มวัย 30 ปี แต่มีนิสัยเอียงไปทางผู้หญิง เป็นนักแต่งเรื่องชั้นเยี่ยม ใช้วิชาหมอดูหลอกชาวบ้าน ซึ่งอาศัยจิตวิทยาและทักษะการแสดง ชอบใช้ชีวิตหรูหรา คบแต่คนรวย แล้วดูแคลนหมอดูยากจน
หมอช่วง รับบทโดย สีเทา
ชายชราวัย 60-70 ปี เป็นคนพูดตรง ร้อนวิชาไม่ชอบอยู่เป็นที่เป็นทาง เป็นหมอดูที่ยึดมั่นในวิชาชีพไม่เห็นแก่เงิน คิดค่าดูคนละไม่เกิน 6 บาท ใช้ชีวิตสมถะ ไม่โอ้อวด มีความรู้เรื่องหมอดูอย่างแท้จริง
โฉ่งฉ่าง ยิ้มแฉ่ง รับบทโดย เต่า เชิญยิ้ม
คนหนุ่มวัย 30 ปี ชอบดูหมอมาก ทุกๆ วันจะชอบเปิดหนังสือพิมพ์ดูดวงก่อน เป็นพี่เลี้ยงให้กับดวง
สายบัว รับบทโดย ราตรี วิทวัส
เป็นแม่ครัวคู่คิดคู่ปรึกษาของเจ๊อ้อย เป็นคนเชื่อเรื่องโชคลาง ใฝ่ฝันอยากร่ำรวย ชอบแทงหวย และเห็นอะไรประหลาดก็จะเอามาตีเป็นตัวเลข และก็จะคอยเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พิมพ์รักกับดวง เนื่องจากเคยเอาวันเดือนปีเกิดของทั้งคู่ไปให้หมอช่วงดุ แล้วบอกว่าทั้งคู่สมพงษ์กัน
นักแสดงรับเชิญ
วันชัย รับบทโดย เจษฎา รุ่งสาคร
ปลัด อบต.หนุ่ม อายุประมาณ 20-25 ปี นิสัยโอบอ้อมอารี รักความยุติธรรม เกลียดการเอารัดเอาเปรียบ
น้ำฝน รับบทโดย สุมนรัตน์ วัฒนาเศลารัตน์
ครูสาว วัย 20-22 ปี แอบหลงรักวันชัย แต่พอรู้ว่าวันชัยรักพิมพ์ ก็เกลียดเพราะคิดว่าพิมพ์จะมาแย่งวันชัย แต่สุดท้ายก็เข้าใจเมื่อพิมพ์ทำให้ วันชัยหันมารักตอบกับตน
เรื่องย่อ
เด่นดวง (พระเอก) เด็กหนุ่มหน้าตาดีจากชนบท หลังจากเรียนจบช่างยนต์ที่วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง ก็กลับไปอยู่บ้านในสภาพคนตกงาน ดวงกำพร้าแม่มาแต่เด็ก "นายดอน" ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นชาวไร่พยายามส่งเสียให้เรียนจนจบ ได้ไปสมัครงานที่อู่ซ่อมรถยนต์พร้อมกับจิรกร (กอน) เพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน แต่ถูกนายจ้างเจ้าของอู่กดราคาค่าจ้างที่ต่ำกว่าแรงงานคนที่มีความรู้แค่ระดับ ป.6 แต่ดวงกับเพื่อนก็จำใจทำเพราะงานหายาก อีกอย่างเพื่อต้องการเรียนรู้และหาประสบการณ์
พระธุดงค์รูปหนึ่ง ไปปักกลดพักที่ชายป่าบริเวณใกล้หมู่บ้าน ชาวบ้านไปกราบไปทำบุญกัน พระธุดงค์รูปนั้นเทศนาจนชาวบ้านพากันศรัทธานำมาพูดต่อๆ กัน กอนได้ชวนดวง และนายดอนพ่อของดวงไปทำบุญในวันต่อมา คนทั้งสามไปถึงตอนว่างคนพอดี ขณะที่ดวงก้มกราบพระธุดงค์ พระธุดงค์เหลือบเห็นลักษณะมือของดวง จึงขอให้หงายดุ แล้วท่านก็พูดว่าดวงมีมือเรียวแบบศิลปิน หลังจากนั้นท่านเอาดวงราศรีวันเดือนปีเกิดของดวงมาตรวจดู แล้วท่านทำนายว่า ดวงมีชะตาต้องด้วยเมืองใหญ่ และต้องทำมาหากินเกี่ยวกับศิลปะ การแสดง หรือการร้องเต้นถึงจะดีและต่อไปจะมีชื่อเสียงโด่งดัง แล้วท่านก็เอาชื่อของดวงมาตรวจอักษรดูความเป็นมงคลเดิมดวงมีชื่อเต็มว่า "เต็มดวง" พระธุดงค์บอกว่า ชื่อนั้นไม่ดีให้ตัดออกคงเหลือแต่ดวงอย่างเดียวพอ เพราะเลขสาม คือเลขมงคลของดวง ชื่อก็ควรจะมีอักษรไม่เกินสามตัว และไม่ควรมีสระหรือวรรณยุกษ์บนล่าง เพราะดวงเกิดวันจันทร์ สระวรรณยุกต์บนล่างเป็นกาลกิณี
เมื่อรู้ว่าพระธุดงค์ดูดวงได้ กอนก็ขอให้ดูให้เขาด้วย พระธุดงค์ตรวจดวงของกอนแล้วบอกว่า กอนเป็นคนที่มีดวงนารีอุปถัมภ์ ต่อไปจะสบายเพราะผู้หญิง ดวงไม่ค่อยเชื่อเรื่องนั้นเท่าไหร่ แต่กอนฝังใจเชื่อเลย
เมื่อกลับจากกราบพระธุดงค์แล้ว กอนก็ดีอกดีใจใหญ่ ยุให้ดวงออกจากหมู่บ้าน ไปเสี่ยงโชคในเมืองใหญ่ เพื่อจะได้ดีในเมืองใหญ่ตามคำทำนาย ดวงเป็นห่วงพ่อ ซึ่งอยู่คนเดียวมานาน แต่กอนด้างว่า เมื่อมีเงินมีทองก็ส่งมาให้ ดวงจึงยอมตกลงไปเสี่ยงโชคที่กรุงเทพฯ
ในวันที่ดวงกราบลาพ่อเพื่อเข้ากรุงเทพฯ นายดอนพูดเชิงเตือนว่า ไม่มีที่ไหนจะอบอุ่นและดีเท่ากับบ้านเราหรอกไอ้ดวง ถ้าเอ็งไปได้ดีก็อย่าลืมบ้านเกิด แต่ถ้าลำบากก็ให้กลับมาบ้านเรา"
ที่กรุงเทพฯ กอนกับดวงพบว่า เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปดังหวัง ทุกอย่างวุ่นวายเกินคาดหมาย กอนกับดวงไปเช่าห้องแถวถูกๆ ห้องหนึ่งอยู่ ระหว่างนั้นก็หางานไปเรื่อย แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงาน จนเงินทองที่ติดตัวมาเริ่มร่อยหรอ และหมดลงในที่สุด ถนอมกับดวงลำบากถึงขนาดไม่มีอะไรจะกิน กอนรับผิดชอบจะออกไปหางานหาข้าวให้ดวงเอง เพราะว่าตัวเขาที่ยุให้ดวงตามมากรุงเทพฯ
วันนั้นกอนหางานจนอ่อนใจ หิวก็หิว ในที่สุดก็ไปหยุดพักในวัดแห่งหนึ่ง เห็นแม่ชีกำลังกวาดขยะ แม่ชีจะเอาถังขยะไปทิ้งไม่มีแรงพอ กอนเห็นจึงเสนอตัวเข้าไปช่วยลากถังขยะให้ แต่พอเทขยะเสร็จ กอนเกิดเป็นลมเพราะหิวจัด แม่ชีช่วยพยาบาล พอกอนฟื้นก็ได้เล่าความจริงให้ฟัง แม่ชีสงสาร จึงเขียนจดหมายฝากงานให้ โดยให้ไปพบน้องสาวของนาง ซึ่งเป็นเจ้าของคณะลิเก ที่มาเปิดวิกเล่นอยู่ในตลาดสดแห่งหนึ่ง กอนจึงไปหา และได้งานทำเป็นคนช่วยขนเครื่องดนตรีของลิเก ได้เงินมาพอหาซื้อข้าวปลายังชีพต่อไปได้
ดวงทนลำบากอยู่ต่ออีกระยะหนึ่งก็ตัดสินใจจะกลับบ้านนอก เพราะประจักษ์แล้วว่าเมืองหลวงไม่เหมาะกับเขา แต่กอนรั้งตัวไว้ โดยอ้างคำทำนายของพระธุดงค์ กอนบอกว่าพระธุดงค์เคยทำนายว่าตนมีดวงนารีอุปถัมภ์ ก็เห็นไหมล่ะยามลำบากที่สุดก็ได้แม่ชีมาช่วย แม่ชีเป็นผู้หญิง แสดงว่า ดวงเขาเขานารีอุปถัมภ์จริงๆ เมื่อพระธุดงค์ทำนายดวงของเขาถูก ของดวงก็ต้องไม่ผิด แต่ดวงไม่ฟังตัดสินใจกลับบ้านนอก เมื่อกอนรั้งไม่อยู่ก็ยอมให้ดวงกลับบ้านคนเดียว โดยรวบรวมเงินที่มีทั้งมหดให้ดวงเป็นค่ารถและค่าอาหารบนรถ กอนตามไปส่งดวงที่สถานีรถไฟ แต่เมื่อดวงได้ตั๋วแล้วกำลังเอาใส่กระเป๋าเงิน นำเงินได้รับจากกอนมานับเพื่อจะคำนวนค่าอาหาร หัวขโมยคนหนึ่งเห็นดวงกำลังนับเงินคิดว่าในกระเป๋าคงมีเงินเยอะ จึงฉกเอาไป ดวงกับกอนไล่ตามไม่ทัน ประกอบกับรถไฟเที่ยวนั้นกำลังจะออกจากสถานี ดวงกับกอนได้แต่ยืนเฝ้ามองรถไฟที่วิ่งออกจากสถานีห่างตาออกไปเรื่อยๆ จนลับตา ดวงกับกอนเดินคอตก ด้วยความท้อแท้ในโชคชะตา เดินมาที่ถนนหน้าสถานีเห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดเสียอยู่ ด้วยความที่ดวงเป็นคนมีน้ำใจจึงแวะถาม จึงได้ความว่า แท็กซี่กำลังเสียเจ้าของรถชื่อ "ลุงรอด" ดวงอาสาจะช่วยแก้ไขรถให้ ด้วยความที่เขารู้เรื่องเครื่องยนต์ดี จึงซ่อมรถให้ลุงรอดได้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
ซ่อมรถเสร็จ ลุงรอดถามว่าต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ ดวงบอกว่าตนไม่ต้องการ ตนเพียงอยากช่วยเท่านั้น ลุงรอดบอกว่า คนกรุงเทพฯ ที่มีน้ำใจอย่างดวงหาได้ยากจริงๆ ดวงบอกว่าตนไม่ใช่คนกรุงเทพฯ แต่เป็นคนต่างจังหวัดมาหางานทำในกรุงเทพฯ แต่ยังหางานทำไม่ได้ กำลังจะกลับบ้าน แต่โชคร้ายถูกฉกกระเป๋าทั้งเงินและตั๋วติดไปในนั้น จึงไม่มีค่ารถกลับบ้าน ลุงรอดเลยรู้ว่าดวงกำลังตกอับ จึงชวนขึ้นรถไปด้วยกัน ระหว่างที่นั่งไปในรถ ลุงรอดจึงบอกดวงว่า ตัวแกขับแท็กซี่เป็นงานอดิเรกเท่านั้น แกมีงานประจำอยู่ที่สตูดิโอแห่งหนึ่งแล้วแกก็ถามดวงอีกหลายเรื่อง ดวงก็เล่าให้ฟังตามความเป็นจริง ลุงรอดจึงรู้ว่าดวงกำลังตกงาน ก็อยากจะช่วยเหลือ และนึกขึ้นได้ว่า สตูดิโอ ที่แกทำงานอยู่กำลังต้องการคนงานบริการทั่วไป และช่วยยกของ จึงเสนองานนั้นให้ดวง ดวงตอบรับทันที ทั้งที่ไม่ทราบว่าสตูดิโอเป็นยังไร และงานที่ต้องทำยากง่ายเพียงใด
ลุงรอดพาดวงกับกอนแวะไปที่บ้านของแกเป็นไม้ 2 ชั้นเก่าๆ ชั้นล่างทำเป็นร้านอาหารตามสั่งใกล้กับตึกห้องบันทึกเสียง "เจ๊อ้อย" เมียของแกเป็นเจ้าของร้านมีนางสายบัวเป็นแม่ครัวคู่ใจ เจ๊อ้อยกับลุงรอดมีลูกเพียงคนเดียว เป็นผู้หญิง ชื่อ "พิมพ์พรรณ" หรือ "พิมพ์" (นางเอก) ซึ่งกำลังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตร ลุงรอดพาดวงไปเลี้ยงข้าวที่ร้านของแก ดวงมีโอกาสได้รู้จัดกับพิมพ์จากการแนะนำของลุงรอดว่าพิมพ์เป็นลูกสาว ดวงยิ้มทักแนะนำชื่อพร้อมกับกอน เจ๊อ้อยมองดูดวงกับถนอมด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นเป็นคนบ้านนอก หลังจากนั้นลุงรอดได้พาไปฝากให้ทำงานที่สตูดิโอ
ดวงดีใจมากที่จะได้งานทำ กอนบอกว่าเห็นไหมล่ะ ชีวิตคนเราก็ต้องเป็นไปตามดวง ดวงอดทนต่อไปเถอะ อีกหน่อยก็คงจะร่ำรวยจากชื่อเสียงเหมือนที่พระธุดงค์ทำนายไว้
วันรุ่งขึ้นดวงจึงไปทำงานที่สตูดิโอ เขาตื่นเต้นมากที่ได้เจอนักร้องดังๆ ที่เขาชื่นชอบในผลงานเพลง ซึ่งมาอัดเพลงที่นั่น ดวงได้ทำหน้าที่ช่วยทำความสะอาด และช่วยจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ในห้องอัดตามคำสั่งของลุงรอด
ที่ห้องอัด ดวงได้มีโอกาสพบกับนักร้องดังที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ "เกรียง กรุงไกร" ดวงอยากเอาใจนักร้องขวัญใจของเขาจึงขออนุญาตลุงรอดเอาน้ำไปเสิร์ฟ ด้วยความดีใจจนทำให้ดวงตกประหม่าทำน้ำหกรดเกรียงไกร จนเกรียง ซึ่งมีนัดต่อกับแฟนสาว อารมณ์เสีย ต่อว่าลุดรอดแรงๆ ฐานที่ปล่อยให้เด็กไม่รู้งานมาคอยดูแลเขา "นายบรรเลง" ผู้จัดการห้องอัด ซึ่งสนิทกับลุงรอดมาแต่หนุ่ม เข้าใจลุงรอดดี และรู้นิสัยจอมยโสของเกรียงดี จึงเพียงได้แต่ตำหนิลุงรอดกับดวงพอเป็นพิธี
ลุงรอดเห็นดวงพักอยู่ไกลจากที่ทำงาน จึงได้ชวนให้ย้ายมาเช่าห้องใกล้ๆ กับร้านของแก ดวงเห็นด้วยจึงได้ชวนกอนมาอยู่ด้วยกัน กอนก็ไม่ขัดข้องทั้งคู่จึงย้ายมาเช่าห้องใกล้ๆ ร้านค้าป้าอ้อยลุงรอด
ทางด้านกอนซึ่งทำงานอยู่กับคณะลิเกของนางวิไล ต่อมาที่วงลิเกพระเอกเกิดขัดใจกับเจ้าของคณะลาออกไปอยู่คณะอื่น นางวิไลจำต้องหาตัวแทน ไปหาใครก็ไม่มีใครมา หนสุดท้ายมองเห็นว่ากอนพอมีแวว จึงจับกอนฝึกร้องรำลิเก แล้วให้แสดงเป็นพระเอก ปรากฏว่ากอนทำได้ดีเกินคาด เพราะเป็นความชอบในใจเขาอยู่แล้ว คณะลิเกของนางวิไลจึงดังเปรี้ยงขึ้นมา มีผู้คนนิยมกันมาก มีแม่ยกมาติดมากมาย กอนกลายเป็นพระเอกเนื้อหอมขึ้นมาทันที ต่อมาเขาจึงขอย้ายแยกไปอยู่ต่างหาก ปล่อยให้ดวงอยู่ในห้องพักคนเดียว แต่ก็รับปากว่าจะส่งเงินมาช่วยค่าเช่า
ทางด้านดวง เมื่อมาเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ ร้านเจ๊อ้อยลุงรอด ก็มีโอกาสได้พบกับพิมพ์ พิมพ์เห็นกริยาอาการแบบติ๋มๆ ขี้อายของดวง ก็ชอบ แอบรักดวงเงียบๆ ดวงเองก็มีใจให้กับพิมพ์แต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวเจ๊อ้อย ซึ่งพูดอยู่เสมอว่า หมอดูได้ทำนายทายว่า พิมพ์จะต้องได้คู่ครองที่ร่ำรวย เจ๊อ้อยจึงสนับสนุนให้ลูกสาวคบกับผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวย ผู้ชายจนห้ามมายุ่งกับพิมพ์เด็ดขาด เพราะนางกับสามีจะได้สบายเสียที ทำงานงกๆ ส่งลูกเรียน ก็เพื่อหวังจะได้สบายในตอนแก่ ดวงรู้ว่าตัวเองมีปมด้อยเรื่องฐานะและการงานจึงไม่อาจเอื้อม ส่วนพิมพ์ก็พยายามแสดงน้ำใจกับดวง เช่น เวลาตักข้าวให้ดวง เธอจะจงใจตักให้คราวละมากๆ พิเศษกว่าลูกค้าคนอื่น โดยมีสายบัวรู้เห็นเป็นใจด้วยกับพิมพ์ บางครั้งเห็นดวงลำบากก็เสนอให้ยืมเงิน โดยไม่ไห้พ่อแม่รู้
"นีน่า" นักร้องดังหุ่นเซ็กซี่ มักมีเรื่องฉาวโฉ่อยู่เสมอๆ เพราะชอบให้เด็กหนุ่มเป็นเครื่องเล่น มาอัดเพลงที่หัองอัดที่ดวงทำงานอยู่ ได้มีโอกาสเจอดวง เห็นว่าดวงหน้าตาใสสะอาด และดูซื่อ จึงทอดสะพานให้ พาดวงไปกินข้าว พาไปท่องราตรี สัมผัสความบันเทิงในกรุงเทพฯ แล้วจบลงบนเตียง ทำให้ดวงคิดว่า นีน่าดีกับเขาเพราะรักเขา ดวงจึงรักและเทิดทูนนีน่ายิ่งนัก และระหว่างนั้นก็เริ่มห่างหายไปจากพิมพ์ ทำเอาพิมพ์เงียบเหงาไปในวันที่ดวงไม่ได้มากินข้าวที่ร้าน เจ๊อ้อยจับได้ว่าลูกสาวมีใจรักดวงจากคำบอกเล่าของสายบัว จึงกำชับกับพิมพ์ว่าให้ตั้งใจเรียน และไม่ควรมีใจกับดวง เพราะดวงไม่มีความมั่นคงในชีวิต พิมพ์ก็รับปากไปเป็นแกนๆ
เจ๊อ้อย เป็นคนเชื่อหมอดูอย่างงมงายจะทำอะไรก็ต้องพึ่งหมอดูเป็นสำคัญ วันๆ ก็เสียเวลากับหมอดูไม่ใช่น้อย มีหมอดูที่ไหนดี แกก็จะไปหา แล้วนำคำทำนายมาทำตาม จนร้ายแกต้องเปลี่ยนมุมตั้งสินค้า จนลูกค้าตาลาย เจ๊อ้อยมีเพื่อนฝูงที่ล้วนแต่หลุ่มหลงในเรื่องคำทำนายและบ้าหวยขึ้นสมอง เพราะแต่ละคนอยากจะรวยทางลัด จึงถูกหมอดูหลอกเอาบ้าง เจอหมอดูจริงบ้าง แต่ไม่ว่าจริงหรือไม่จริง กลุ่มป้าอ้อยก็จะทำตามหมอดูแนะนำอย่างเคร่งครัด
ทางด้านดวงระหว่างที่คบกับนีน่าก็ยังคงไปทำงานที่ห้องอัดตามปกติ จนต่อมานีน่าได้นำ "ครรชิต" คู่ขาเก่านักการพนันตัวฉกรรจ์เข้ามาในบ้าน ดวงเห็นก็แปลกใจสอบถามดู นีน่าไล่ดวงออกจากบ้านและสั่งไม่ให้มายุ่งกับเธออีก ดวงทำใจไม่ได้ พยายามถามว่าตัวเขาผิดอะไร แต่ก็ถูก "ชิต" จับโยนออกจากบ้านนีน่า ดวงกลับไปทำงานที่ห้องอัดอย่างเศร้าสร้อย ระหว่างนั้นได้มีโอกาสพบตาแก่คนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะมาพบผู้จัดการห้องอัดแกเมาจัดจนขึ้นชั้นบนไม่ไหว ด้วยความที่เคารพในผู้อาวุโสกว่า ดวงจึงช่วยพยุงแกขึ้นไป แล้วพาไปหาผู้จัดการ ผู้จัดการให้การต้อนรับชายคนนั้นอย่างดี ดวงแปลกใจจึงถามกับลุงรอด ลุงรอดจึงเล่าให้ฟังว่า ชายชราคนนั้น คือ "แมน เมืองราช" นักเขียนเพลงชื่อดัง คนที่ปลุกปั้นนักร้องให้โด่งดังก้องฟ้ามานับจำนวนไม่ถ้วน คนล่าสุดก็คือ "เกรียง กรุงไกร" ดวงแปลกใจว่าทำไมคนที่มีชื่อเสียงขนาดนั้น จึงมีสภาพเป็นชายขี้เมา และทรุดโทรมเช่นนั้น ลุงรอดเล่าให้ฟังว่า เพราะแมน เมืองราช ทุ่มเงินไปกับการปั้นนักร้องคนล่าสุดคือ เกรียง กรุงไกร แต่ถูกเกรียงทรยศ จนแมน หมดทรัพย์สินไปมาก แมนเสียใจมาก จนติดเหล้าเสียผู้เสียคน มิหนำซ้ำเกรียง กรุงไกร ยังกลั่นแกล้ง โดยการบีบไม่ให้มีคนซื้อเพลงของครูแมน และเขายื่นคำขาดว่าไม่ยอมร่วมงานกับคนที่ร่วมงานกับครูแมน ครูแมนจึงถูกปล่อยให้โดดเดี่ยว ขอเงินลูกศิษย์ที่ยังภักดีเลี้ยงชีพไปวันๆ "นายบรรเลง" ผู้จัดการห้องอัดแห่งนี้ ก็คือหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ของครูแมน ที่แอบคอยช่วยเหลือ
ครูแมนเอาเพลงมาเสนอขายบรรเลง บรรเลงนำเพลงไปเสนอ "นายห้างมงคล" เจ้าของบริษัทเพลง และเจ้าของห้องอัดแห่งนั้น นายมงคลอยากได้เพลงของครูแมน เพราะกำลังจะทำเทปชุดใหม่ให้เกรียง กรุงไกรอยู่พอดี แต่รู้ว่าหากเกรียงรู้ว่า เป็นผลงานเพลงของครูแมน ก็คงจะไม่ยอมร้องให้ จึงเสนอให้บรรเลงเจรจากับครูแมนขอซื้อเพลงแต่เอาไปใส่ชื่อคนอื่นได้ไหม ครูแมนไม่มีทางออกจึงต้องยอม บรรเลงเองก็เสียใจมาก แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านั้น เพราะช่วงนั้น ชื่อเสียงของเกรียง กรุงไกร กำลังโด่งดังมาก ใครๆ ก็ต้องยอมตามใจเขา
ทางด้านดวง เมื่อผิดหวังกับนีน่าก็เก็บมาอัดอั้น จนต่อมาขณะที่เก็บของก็ร้องเพลงโปรดระบายออกมาเพลงนั้นเป็นผลงานเพลงของครูแมน ซึ่งขณะนั้นครูแมนมาพบนายบรรเลง นั่งคุยกันเสร็จออกมาเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงร้องของดวง ถึงกับตะลึง ยืนแอบฟังเงียบ จนดวงร้องจบ จึงออกไปพบ แล้วครูแมนก็ได้คุยกับดวง ถามดวงว่าชอบร้องเพลงหรือ ดวงบอกว่าชอบ ครูแมนถามว่าอยากเป็นนักร้องไหม ดวงบอกว่าตนคงจะไม่มีวาสนาแค่ได้มาทำงานในห้องอัดก็เกินวาสนาตัวแล้ว ครูแมนชอบในความอ่อนน้อมถ่อมตนของดวงจึงไปคุยกับบรรเลงว่าจะเขียนเพลงให้ดวงร้อง ให้บรรเลงหาทางสนับสนุน บรรเลงไม่แน่ใจ แต่ก็รับปากว่าจะลองคุยกับนายห้างให้ดู ปรากฏว่านายห้างมงคลไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าการไปร่วมงานกับครูแมนอย่างเปิดเผยจะทำให้เกรียง กรุงไกร ตัดสัมพันธ์ทางการค้าเอาได้ บรรเลงเห็นใจครูแมน จึงพยายามหาทางช่วย โดยแอบให้ใช้ห้องอัดฟรี และช่วยควบคุมเสียงให้เอง ลุงรอดก็ช่วยด้วยอีกแรง ฝ่ายครูแมนฝึกให้ดวงร้อง และเอาเพลงมาให้ดวงบันทึกเสียงจนเสร็จ แล้วบรรเลงก็นำไปเสนอนายห้างอีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังมีเรื่องขัดใจกับเกรียง กรุงไกรพอดี เพราะเกรียงไปแย่งผู้หญิงของเขาเข้า "นายห้างปัญญา" ได้ฟังเสียงร้องของดวงก็ชอบทันที รับปากจะปลุกปั้น นายห้างปัญญาทำตามที่พูด เขาทุ่มเงินเชียร์เพลงของดวง ปรากฏว่าเพลงของดวงโด่งดังขึ้นมาเหมือนปาฏิหาริย์ ดวงมีชื่อเสียงภายในพริบตา ผลงานเพลงของแมน เมืองราช ก็ได้รับการยอมรับอีกครั้ง ดวงมีความกตัญญูเลี้ยงดูครูแมนอย่างดี ส่งเงินกลับไปให้พ่อที่ต่างจังหวัด และติดต่อไปมาหาสู่กับกอน ซึ่งขณะนั้นได้เป็นพระเอกลิเกขวัญใจแม่ยกไปแล้ว
เมื่อดวงมีชื่อเสียงมีเงินทอง เจ๊อ้อยก็เริ่มมองเห็นความดี เริ่มส่งเสริมให้มีสัมพันธ์กับพิมพ์ ดวงก็เห็นความสำคัญของพิมพ์มากขึ้น เพราะว่าระหว่างที่เขาต้องซ้อมเพลง เตรียมทำเทปก่อนจะดังต้องพึ่งพิมพ์ในหลายเรื่อง พิมพ์แอบจัดข้าวปลาอาหารให้ทั้งเผื่อครูแมนและตัวดวงเอง พร้อมกับคอยจุนเจือเรื่องเงิน โดยที่เจ๊อ๊อยไม่รู้ เธอยอมอดอาหารกลางวันที่วิทยาลัย เพื่อเก็บเงินใส่กระปุกมาช่วยดวง เมื่อดวงได้ดีจึงเห็นน้ำใจเธอ ยอมให้เธอดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้ เจ๊อ้อยขอยืมเงินดวงก้อนหนึ่งเพื่อเอาไปปล่อยกู้ แต่วิธีการปล่อยกู้ของแกต้องพึ่งหมอดู คือให้ดูหมอทำนายดวงคนจะกู้ว่าจะโกงหรือไม่ จะให้กู้วันไหนบ้าง งดวันไหนบ้าง จนคนที่กู้ฉลาดแอบไปติดสินบนหมอดู บางคนแกล้งสร้างหมอดูปลอมขึ้นมาแล้วมากู้เงินเจ๊อ้อย แล้วไม่ใช้คืนป้าอ้อยเสียหายไปเยอะ ไม่มีเงินคืนดวง แต่ดวงก็ยกให้ เจ๊อ้อยยิ่งเห็นความสำคัญของดวง
ดวงมีชื่อเสียงโด่งดังแซงหน้าเกรียง กรุงไกรไปอย่างรวดเร็ว เขาได้รับความนิยมจากแฟนเพลงอย่างล้นหลาม จนผู้สร้างภาพยนตร์ละครต้องมาจ้างให้ไปแสดง เพื่อเพิ่มปริมาณผู้ชม ดวงมีรายได้มหาศาล ให้พิมพ์เป็นผู้ดูแล ด้านการเงินและคิวการแสดง พิมพ์พยายามเอาเงินของดวงไปทำให้เกิดประโยชน์ระยะยาว เพราะรู้ว่าสักวันหนึ่งเมื่อดวงไม่มีชื่อเสียงแล้ว ก็จะได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่งมั่นคง
ทางด้านนีน่า ตกหลุมพรางที่ครรชิต แมงดาหน้าอ่อนวางไว้ ชิตหลอกเอาเงินไปจนเกือบหมดตัว ชื่อเสียงก็เริ่มตก ครรชิตเห็นว่านีน่ามีประโยชน์กับดวง ครรชิตจึงวางแผนให้นีน่ากลับไปคืนดีกับดวง ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของนีน่าทำให้ดวงซึ่งเป็นคนซื่อเห็นใจ และคิดจะตอบแทนในคุณงามความดีแต่หนหลัง จึงยอมรับสัมพันธ์กับนีน่า ระหว่างนั้นพิมพ์ทราบเรื่องก็เสียใจมาก งอนไม่ยอมคุยด้วย ดวงไม่มีเวลาอธิบายถึงเหตุผลที่ช่วยเหลือนีน่า พิมพ์ก็น้อยใจ จึงมีเรื่องขัดแย้งกัน จนพิมพ์มอบเงินในการดูแล และคิวงานการแสดงให้ดวงไปจัดการดูเอง
ทางด้านนีน่าก็หาทางผูกมัดดวง โดยแกล้งทำตัวให้เป็นข่าว นัดดวงมอมเหล้าแล้วพาไปนอนด้วย ครรชิตโทรแจ้งเรียกนักข่าวมาถ่ายรูปไปลงข่าว จนดวงต้องรับผิดชอบนีน่า
ระหว่างนั้นพิมพ์เกิดอาการหน้ามืดไปหาหมอ หมอตรวจพบว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ เธอกำลังจะไปบอกข่าวดีกับดวงแต่เกิดได้เห็นข่าวเรื่องดวงกับนีน่าเสียก่อน จึงตัดสินใจปิดเรื่องไว้ แต่กลัวว่าเมื่อท้องโตขึ้นมาพ่อแม่จะอับอายชาวบ้าน ครั้นจะเอาเด็กออกก็ทำใจไม่ได้ พิมพ์คิดหนักหนสุดท้ายก็เอาสถานที่บ้านพ่อของดวงมาดู เพราะดวงให้ส่งเงินให้พ่อเป็นประจำ พิมพ์คิดว่าควรจะไปซ่อนตัวที่บ้านพ่อดวง เพราะอย่างน้อยก็ควรจะให้ลูกเกิดมาในความดูแลของปู่แทนพ่อ พิมพ์ตัดสินใจเขียนจดหมายลาพ่อแม่ทิ้งไว้ แล้วหนีไป ไม่บอกว่าไปไหน
ทางด้านดวงเมื่อคิดได้กลับมาหาพิมพ์ แต่ได้รับคำบอกจากสายบัวว่าพิมพ์ไปอยู่บ้านเพื่อน แต่ก็ไม่รู้บ้านเพื่อนอยู่ที่ไหน ดวงเสียใจมาก นีน่าฉวยโอกาสเข้าปลอบ และรับอาสาจะดูแลคิวงานดูแลผลประโยชน์ให้เอง ดวงไม่มีทางออกจึงให้นีน่าเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิต นีน่าฉวยโอกาสเบียดบังเอาผลประโยชน์ของดวง แล้วแอบถ่ายเทต่อไปให้ครรชิตอีกที
ทางด้านพิมพ์ เมื่อไปหานายดอนพ่อของดวง ก็เล่าความจริงให้ฟัง นายดอนจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยส่งเงินมาให้ตลอด และได้ทราบข่าวของดวงกับนีน่าอยู่บ้าง จึงขอให้พิมพ์อยู่ที่บ้าน แต่เขาจะไม่บอกว่าพิมพ์เป็นเมียของดวง เพราะตอนนั้นชาวบ้านกำลังชื่นชมดวง ไม่อยากให้ชาวบ้านรังเกียจดวงในเรื่องทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ นายดอนจึงแกล้งบอกชาวบ้านว่า เขาขายที่ดินให้กับพิมพ์ ซึ่งมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะเอาไปทำไร่องุ่น พิมพ์เริ่มทำมาหากินตามความรู้ที่เรียนมา
พิมพ์ได้ใช้ความรู้ทางการเกษตรเข้าช่วยชาวบ้าน โดยการรวมกลุ่มชาวบ้านสร้างผลิตภัณฑ์แปรรูปสินค้าเกษตรขึ้นมา ให้ช่วยส่งเสริมสินค้า OTOP ของกลุ่มชาวบ้าน เธอได้ไปขอความช่วยเหลือจาก "วันชัย" ซึ่งเป็นปลัด อบต.ของตำบลนั้น
วันชัยเป็นเพื่อนรักของดวง เคยเรียนหนังสือด้วยกัน แต่ไม่ได้เจอกับดวงมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นวันชัยมีคนรักอยู่แล้วชื่อ "น้ำฝน" ซึ่งเป็นครูสอนเด็กเล็กอยู่ในหมู่บ้านนั้น แต่เมื่อวันชัยได้เจอกับพิมพ์ กลับรู้สึกทึ่งในความสามารถและกลายเป็นความรักเงียบๆ วันชัยเสนอตัวช่วยเหลือพิมพ์ทุกอย่าง จนกระทั่งพิมพ์คลอดลูกเป็นชาย นายดอนเห็นความสนิทสนมระหว่างพิมพ์กับวันชัย ก็เริ่มใจคอไม่ดี ครั้นจะบอกวันชัยตามความเป็นจริงก็จะเป็นการผิดข้อตกลง ได้แต่เก็บเรื่องนั้นไว้ในใจเรื่อยมา
ส่วนน้ำฝนก็ชื่นชมในความสามารถของพิมพ์ แต่เมื่อจับได้ว่าวันชัยคนรักของเธอมีใจให้ ก็ได้แต่น้อยใจและพยายามทำดีให้วันชัยเห็น เมื่อมีโอกาสวันชัยสารภาพความจริงกับพิมพ์ แต่พิมพ์ก็บอกตามความเป็นจริงว่า เธอเคารพนับถือวันชัยในฐานะเพื่อนหรือพี่ชาย คงจะเปลี่ยนความรู้สึกอย่างอื่นไม่ได้ โดยเฉพาะเธอทราบอยู่ว่าวันชัยเป็นคนรักของน้ำฝน และน้ำฝนก็เป็นหญิงสาวที่ดีมาก วันชัยควรจะเห็นความดีของเธอ วันชัยคิดได้กลับไปหาน้ำฝน น้ำฝนยิ่งเคารพยกย่องพิมพ์มากขึ้น ทั้งสามคนจึงเป็นมิตรที่ดีต่อกัน นายดอนก็คลายกังวลได้มาก
ทางด้านกอน เป็นพระเอกลิเกนานๆ ก็เริ่มเบื่อ จึงคิดจะหาทางปักหลักสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ไม่อยากจะเร่ร่อนต่อไป เขาคุยกับนางวิไลตรงๆ ให้เวลานางวิไลหาพระเอกใหม่ ก็มีคนมาเสนอตัวเลี้ยงมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกแม่ยกแก่ๆ ที่ร่ำรวย เมื่อนางวิไลหาพระเอกใหม่ ก็มีคนมาเสนอตัวเลี้ยงมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกแม่ยกแก่ๆ ที่ร่ำรวย เมื่อนางวิไลหาพระเอกใหม่ได้ และฝึกซ้อมกันแล้วเสร็จ กอนตัดสินใจเลิกอาชีพลิเกโดยการยอมแต่งงานอยู่กินกับคุณชม้อย เศรษฐีนีแก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งทั้งชราทั้งขี้โรค กอนไปพบดวง บอกให้ดวงทราบว่าเขาเลิกเป็นพระเอกลิเกแล้ว และได้เมียรวย คิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะได้เป็นเศรษฐีหม้ายที่รวยมาก เพราะว่าเมียเขาทั้งแก่ ทั้งขี้โรค และไม่มีทายาทรับมรดกนอกจากเขา ดวงก็ไม่ว่าอะไร แสดงความยินดีกับกอนด้วย แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตอีก
(ยังมีต่อ)