กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--คิธแอนด์คินฯ
จากกรณีที่แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย (เจดีเอ–เอ 18) จะมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ในช่วงวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2558 นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวให้ประชาชน ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่ภาคใต้ได้ทราบเพื่อเตรียมพร้อมในการจัดการใช้พลังงานในช่วงดังกล่าวเนื่องจากก๊าซธรรมชาติจะหายไปจากระบบประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบกับโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 จ.สงขลา กำลังการผลิตไฟฟ้า 800 เมกะวัตต์ ที่อาศัยก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเจดีเอเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้
ทั้งนี้ ในปี 2557 ที่ผ่านมา เป็นปีที่มีความเสี่ยงสูงมากกับการเกิดไฟฟ้าดับในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จากการที่แหล่งก๊าซเจดีเอได้หยุดซ่อมบำรุงในช่วง 13 มิถุนายน-7 กรกฎคม 2557 รวมเวลานานถึง 25 วัน กระทรวงพลังงานได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจท่องเที่ยว และประชาชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือในทุกด้านไม่ให้เกิดไฟฟ้าดับในวงกว้าง โดยมีมาตรการต่างๆ ได้แก่ การเตรียมน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตามาทดแทน การชะลอการซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าอื่นๆ การตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้และตรวจสอบสายส่งให้มีความพร้อม การขอความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจช่วยกันลดการใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในพื้นที่ภาคใต้คือในช่วงเวลา 18.30 น. – 22.30 น. การขอความร่วมมือสื่อต่างๆ ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ให้ร่วมลดใช้ไฟฟ้าด้วยวิธีง่ายๆ คือ ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก และจากความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 25 วัน สามารถควบคุมความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในพื้นที่ภาคใต้ไว้ได้ไม่เกิน 2,300 เมกะวัตต์ ผ่านวิกฤติมาได้เป็นอย่างดี
สำหรับการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอในปี 2558 นี้ แม้ช่วงระยะเวลาเพียง 5 วัน กระทรวงพลังงานก็ยังเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับมือและป้องกันไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้แผนปฏิบัติเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และจากการซักซ้อมในปีนี้มีความมั่นใจมากขึ้นจากการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับปรุงโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 จ.สงขลา ให้สามารถเปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติได้ ขณะเดียวกัน ปตท. ได้จัดเตรียมน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาสำรองไว้ใช้กับโรงไฟฟ้า และ กฟภ. ได้ดูแลระบบสายส่งไฟฟ้าให้พร้อมมากที่สุด
การลงไปประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ภาคใต้จะเป็นการแจ้งข่าวให้ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ได้รับทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างใกล้ชิดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย จะได้สามารถเตรียมความพร้อมที่จะร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันความเสี่ยงต่อการจะเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้ได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกภาคส่วนเข้าใจดีและสามารถให้ความร่วมมือได้ดีเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยกันบรรเทาผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าในการดำรงชีวิตประจำวัน และเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
ในช่วงปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอ กระทรวงพลังงานจะเฝ้าระวังสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ และมีศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสนับสนุนกรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ ของ กฟภ. เป็นศูนย์ประสานงานกับ กฟผ. ที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าและการสั่งการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลได้ที่ 1129 PEA Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง
"กระทรวงพลังงานประเมินสถานการณ์การปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอในครั้งนี้ ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก และแผนรับมือที่เตรียมไว้นั้นเชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ในการใช้ชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่ต้องวิตกกังวล อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือความร่วมมือร่วมใจในการช่วยกันประหยัดไฟฟ้า จึงขอความร่วมจากทุกภาคส่วน ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก และช่วยเลี่ยง-ลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลา 18.30 น. – 22.30 น. ระหว่างวันที่ 19-23 กรกฎาคม นี้ด้วย หากสามารถทำได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ความเสี่ยงของการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ก็จะหายไป" นายทวารัฐ กล่าว.