กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--35 บางกอก คอมมูนิเคชั่น
อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทยเราสูงถึงระดับ 38.1 ต่อ 1 แสนคน นับเป็นลำดับ 3 ของโลก ถนนในประเทศไทยได้รับการกล่าวขวัญจากสังคมออนไลน์ต่างประเทศบางแห่งว่าเป็น "ถนนที่น่ากลัวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก" ก็จากอัตราสูญเสียดังกล่าวนี้
เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพระดับความรุนแรงของการสูญเสียได้ชัดเจนขึ้น ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในรอบ 70 ปีที่ประเทศเนปาล เมื่อเดือน พฤษภาคม 2015 มีผู้เสียชีวิต 8,000 กว่าคน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำให้ทั่วโลกรู้สึกโศกเศร้าและสะเทือนใจไปกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่ทว่าสำหรับในประเทศไทยแล้ว ใน 1 ปี เรามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนมากกว่า 28,000 คน หรือกว่า 3 เท่าของผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเนปาล และ สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ทุกๆปี
มูลนิธิเมาไม่ขับได้ศึกษาสถิติและพบว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจากอุบัติเหตุนั้น กว่า 80% มาจากสาเหตุหลักคือ เมาแล้วขับ ร่วมกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัย นอกจากนั้นจากการสำรวจเรื่องการใช้หมวกนิรภัยได้พบว่าอัตราการใช้หมวกนิรภัยของผู้ใหญ่ในประเทศไทยอยู่ที่ 43% แต่ที่น่าตกใจคือ การศึกษาที่ลึกลงไปได้พบว่า อัตราการใช้หมวกนิรภัยของเด็กอยู่ที่เพียง 7%
เด็กที่โตขึ้นมาโดยไม่ใส่หมวกนิรภัยในการใช้รถมอเตอร์ไซค์ น่าจะมีแนวโน้มสูงที่กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นความสำคัญของการใช้หมวก และเราล้วนตระหนักกันว่า ผู้ใหญ่นั้นมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยากมากกว่าเด็ก เราจะลดอัตราการไม่ใช้หมวกนิรภัยได้อย่างไร ถ้าเราละเลยเด็กและเรียกร้องแต่ให้ตำรวจจับผู้ใหญ่ที่ไม่ใส่หมวก
ด้วยความตระหนักถึงภัยสูญเสียระดับร้ายแรง ที่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรมการใช้รถมอเตอร์ไซค์ของสังคมไทยในปัจจุบัน เอไอจี ได้สนับสนุน ชมรมคนห่วงหัว ในมูลนิธิเมาไม่ขับ รณรงค์การใช้หมวกนิรภัยในเด็ก โดยมีเป้าหมายมุ่งหวังที่จะเพิ่มให้อัตราการใช้หมวกนิรภัยของเด็กจาก 7% ขึ้นไปเท่ากับอัตราใช้ทั่วไปที่ 43% โดยริเริ่มการรณรงค์มาตั้งแต่ปี 2013 อย่างต่อเนื่อง
และล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เอไอจี ร่วมกับชมรมคนห่วงหัว ในมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม "ผู้ว่าชลบุรีห่วงหัว" โดยได้รับการสนับสนุนจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี คุณคมสัน เอกชัย เป็นประธานในการแจกจ่ายหมวกนิรภัยกว่า 2,500 ใบ แก่เด็กนักเรียนในเขตจังหวัดชลบุรี พร้อมกันนี้ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้นำขบวนผู้ใหญ่ห่วงหัว ที่ประกอบด้วย มร.โทมี่ ลัทวา-คิสโคล่า ประธานกลุ่มเอไอจีประเทศไทย, น.พ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ และ พล.ต.ต.นิติพงศ์ เนียมน้อย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ขับรถมอเตอร์ไซค์นำขบวนเด็กๆ และครอบครัวชาวชลบุรีรณรงค์การขับขี่มอเตอร์ไซค์ใช้หมวกนิรภัย ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี
ในระหว่างกิจกรรมดังกล่าว น.พ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้กล่าวรายงานสถานการณ์ความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทย และได้นำเด็กๆมาร่วมแสดงให้เห็นว่า หมวกนิรภัยสามารถช่วยชีวิตเด็กๆได้อย่างไร โดยการสาธิตที่นำแตงโมเปรียบดังศีรษะของเด็กๆมาทดลองปล่อยกระแทกพื้นให้ดู และเทียบกับเมื่อมีหมวกนิรภัยปกป้องอยู่ การสาธิตนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก
ภารกิจการรณรงค์ใช้หมวกนิรภัยสำหรับเด็กๆ นี้ ยังต้องการผู้ใหญ่ห่วงหัวมาร่วมมือกันอีกมาก ประเมินได้ว่า ในแต่ละวันที่มีเด็กไทยมากกว่า 2 ล้านคน ที่เดินทางไปโรงเรียนโดยมอเตอร์ไซค์และไม่สวมหมวกนิรภัย เด็กๆเหล่านี้เดินทางบนท้องถนนที่มีอัตราสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก
เอไอจี ยืนยันว่าจะมุ่งมั่นเดินหน้าสนับสนุนชมรมคนห่วงหัว มูลนิธิเมาไม่ขับ ในการร่วมกันเชิญชวนเหล่าผู้ใหญ่ห่วงหัวมาร่วมมือกัน รณรงค์ให้สังคมรับรู้และช่วยกัน เพื่อให้ท้องถนนในประเทศไทย เป็นสถานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับเด็กๆ ของเรา