กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
'กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย' หรือ EGATIF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นวันแรก (13 ก.ค.) หลังเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันในราคาหน่วยละ 10.00 บาท มั่นใจหลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้แก่นักลงทุน ชี้จุดเด่นกองทุนฯ ลงทุนในสิทธิรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 ที่มีโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจนและผันผวนต่ำตลอดอายุสัญญา 20 ปี และบริหารทรัพย์สินโดยทีมงาน กฟผ. ที่มีความเชี่ยวชาญในการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้ามากที่สุดของไทย
นายสุทธิพัฒน์ เสรีรัตน์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดวาณิชธนกิจและธุรกิจตลาดทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายกองทุนรวม EGATIF เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารได้เปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองแรกที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐวิสาหกิจ เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าในอนาคตของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 เป็นระยะเวลา 20 ปี ในราคาหน่วยละ 10 บาท พบว่าได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันอย่างล้นหลาม จากความเชื่อมั่นในศักยภาพของทรัพย์สินและการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความชัดเจนของรายได้ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าที่ EGATIF จะได้รับตลอดอายุการเข้าลงทุน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้อย่างชัดเจนและสม่ำเสมอ จึงเชื่อว่า หน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF เมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกนักลงทุนอีกครั้ง
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF กล่าวว่า ในวันนี้ (13 ก.ค.) ถือเป็นวันแรกที่หน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF ได้เข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 ที่มีกำลังการผลิตตามสัญญาที่ 670 เมกะวัตต์ ซึ่งกองทุนรวม EGATIF เข้าไปลงทุนนั้น ถือเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าใหม่ที่สุดในปัจจุบันของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพและความพร้อมในการเดินเครื่องสูง อีกทั้งทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้แหล่งความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง จึงเป็นโรงไฟฟ้าลำดับต้นๆ ที่ต้องผลิตไฟฟ้าส่งเข้าระบบรองรับต้องการใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมในย่านศูนย์กลางชุมชนผู้ใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ กฟผ. เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษาที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าฯ ทั้งหมด ทำให้กองทุนรวม EGATIF ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ตลอดอายุสัญญาการเข้าลงทุนอีกด้วย
ขณะเดียวกัน กองทุนรวม EGATIF ยังได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัย 4 ประเภท เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อโรงไฟฟ้าฯ ในกรณีที่โรงไฟฟ้าฯ ได้รับความเสียหายและมีผลกระทบต่อรายได้ค่าความพร้อมจ่าย อาทิเช่น ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก โดยหากโรงไฟฟ้าฯ ได้รับความเสียหายและไม่มีความพร้อมในการผลิตไฟฟ้า กฟผ. จะได้รับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยและจะส่งมอบสินไหมทดแทนดังกล่าวให้แก่กองทุนรวมฯ
"กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF จะเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในกิจการไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในขณะนี้ โดยจุดเด่นต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้กองทุนรวมฯ มีโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจน สม่ำเสมอ โดยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF มีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว โดยจะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดายังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ของเงินปันผลเป็นระยะเวลา 10 ปี นับจากวันจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนรวมฯ อีกด้วย" นาง ชวินดา กล่าว
ด้านนายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเดินเครื่องและซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบเดินเครื่อง บำรุงรักษาและบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตลอดอายุการลงทุน 20 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจในความพร้อมเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ กฟผ. เข้าถือหน่วยลงทุนร้อยละ 25 เป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ ว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพที่ดีที่สุดของ กฟผ. อย่างแท้จริง