กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--Sekret Communications
การที่ได้รับทราบว่าป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง ALS และ โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตของชีวิต แต่ใครกันเล่าจะหลีกเลี่ยงจากโรคร้ายเหล่านี้ได้ นอกเสียจากต้องเผชิญต่อสู้กับมันด้วยวิธีการต่างๆ ที่เชื่อว่าสามารถหยุดและทุเลาอาการจากโรคที่กล่าวมา แต่สิ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยเรื้อรังเหล่านี้มีอาการที่ดีขึ้นอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือกำลังใจจากคนรอบข้าง และสำคัญที่สุดคือการดูแลเอาใส่ใจจากคนในครอบครัว ที่พร้อมจะต่อสู้และฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน ถึงแม้ว่าเปอร์เซ็นต์ของการหายขาดจากโรคจะดูริบหรี่แล้วก็ตาม ดั่งเช่น "ครอบครัวเค้ามูลคดี" ที่โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อได้ตรวจพบเจอโรคร้ายเรื้อรังในร่างกายของ "ปทุมวดี โสภาพรรณ" นั่นคือโรค ALS โดยเธอป่วยมานานกว่า 4 ปีแล้ว และร่างกายหยุดตอบสนองเป็นเวลานานถึง 6 เดือน สมองเริ่มไม่สั่งการ จนแพทย์ได้ตัดสินใจชี้ชัดว่า อาการของโรคที่เกิดขึ้นนี้ หมดทางเยียวยา และไม่มีทางรอดจากอาการป่วยอันร้ายแรงนี้ได้ จนกระทั่งไม่นานมานี้มีข่าวดีเกิดขึ้นกับครอบครัว "เค้ามูลคดี" อีกครั้งราวปาฏิหาริย์เมื่อความทรงจำของ "แม่ทุม" เริ่มกลับมาและมีอาการดีขึ้นตามลำดับหลังจากได้รับเห็ดซางฮวงต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน
ล่าสุด จึงได้มีการจัดงานสัมมนาระดับภูมิภาคเอเชียในประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมนักวิทยาศาสตร์จากประเทศไทย ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ร่วมเสวนาในหัวข้อ "Miracle Mushroom ความหวังใหม่ในการเยียวยาผู้ป่วยเรื้อรังด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด" โดยทีมวิจัยอเมซิ่ง เกรซ นำโดย ดร. แฟรงค์ ชาญบุญญสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเห็ดพิมาน กล่าวว่า ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมจากตำราจีนโบราณ ซึ่งบันทึกว่าเห็ดซางฮวงช่วยปรับภูมิคุ้มกัน และช่วยระบบไหลเวียนโลหิต โดยจากผลงานวิจัยในต่างประเทศที่ทำการทดลองกับเซลล์มนุษย์ในห้องปฏิบัติการและในสัตว์ทดลอง ซึ่งได้ตีพิมพ์แล้วพบว่าเห็ดซางฮวงอาจช่วยโรคที่มีโอกาสรักษาหายได้ยากเช่น มะเร็ง ตับแข็ง ตับอักเสบ หลอดเลือดในสมองตีบ และ ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ทำให้เห็ดซางฮวงธรรมชาติมีราคาสูงขึ้น และเป็นที่ต้องการอย่างมากเนื่องจากสรรพคุณที่มหัศจรรย์ ซึ่งเห็ดซางฮวง หรือเห็ดพิมานนี้ เป็นเห็ดที่เติบโตอยู่บนต้นไม้ที่ยังมีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี ที่สามารถพบได้ในป่าดิบแล้งทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ยุโรป และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในปัจจุบันมีเห็ดซางฮวงในธรรมชาติกว่า 470 ชนิด แต่พบว่ามีเพียงสองชนิดที่มีราย
งานวิจัยว่ามีสรรพคุณทางยา คือ Phellinus igniarius และ Phellinus linteus โดยต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี จึงมีสารสำคัญในสปอร์เพียงพอที่จะนำมาสกัดเป็นยา
ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเห็ดจำหน่ายในท้องตลาดมากมาย ซึ่งทำมาจากเส้นใย (mycelium) จากเห็ดซางฮวงที่เพาะในถุงพลาสติก ซึ่งมีคุณภาพด้อยกว่าเห็ดซางฮวงที่ได้มาจากธรรมชาติ
ในปี 1968 ศูนย์มะเร็งแห่งชาติญี่ปุ่นรายงานว่า เห็ดซางฮวงมีอัตราการยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ถึง 96.7% นอกจากนี้สารเบต้า-กลูแคน พันธะ 1,3 และ 1,6 ที่สกัดจากเห็ดซางฮวงธรรมชาติ ช่วยปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกัน Th1 และ Th2 จึงช่วยโรค ALS MS และโรคภูมิคุ้มกันอื่นๆ ที่เกิดจาก Th1 มีระดับสูงเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยลดผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัด การใช้ควบคู่กับการทำเคมีบำบัดจะทำให้การรักษามะเร็งมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยงานวิจัยรายงานว่าสารสกัดจากเห็ดซางฮวงไม่เป็นพิษต่อร่างกายแม้ว่าจะใช้ในปริมาณมาก ขณะนี้มีการนำผลิตภัณฑ์จากเห็ดซางฮวงธรรมชาติมาศึกษาทางการแพทย์ เพื่อใช้รักษาโรคมะเร็งและบำบัดโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองแล้ว