กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--เวิรฟ
"ตราช้าง" จากเอสซีจี ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เดินหน้าตอกย้ำความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ ชูความพร้อมด้านกำลังการผลิตและความหลากหลายครบครันของผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นในกลุ่มเฮ้าส์ซิ่ง บิสซิเนส สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านที่อยู่อาศัย ตลอดจนมีช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่งครอบคลุมทุกพื้นที่ มั่นใจในความพร้อมด้านการผลิตและนวัตกรรมใหม่ตั้งเป้าหมายยอดขายกลุ่มเฮ้าส์ซิ่งปี 58 เติบโต 5-10% จากปี 57 ครองความเป็นผู้นำตลาดในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
นายสราวุฒิ สำราญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ–มาร์เก็ตติ้ง เฮ้าส์ซิ่ง บิสซิเนส ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า "ตราช้าง" ครองความเป็นผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างมายาวนานกว่า 100 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้"ตราช้าง" มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วประเทศ มีสัดส่วนยอดขายตามช่องทางแบ่งเป็นกลุ่มค้าส่ง(Wholesales) และปลีก (Retails) 80% และกลุ่มโครงการ (Project) 20% ตลอดจนมีความพร้อมด้านกำลังการผลิต จึงสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลังปี 2558 ของตราช้าง ในกลุ่มเฮ้าส์ซิ่ง บิสซิเนส ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มหลังคาและอุปกรณ์หลังคา ฝ้าผนัง ไม้สังเคราะห์ ฉนวน ผลิตภัณฑ์ตกแต่งภูมิทัศน์ เป็นต้น จะเน้นกลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นด้านการผลิต และสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มเครือข่ายร้านค้าผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ทั้งค้าปลีกและค้าส่ง เนื่องจากเป็นช่องทางจำหน่ายที่มียอดขายสูงสุดด้วยสัดส่วนรวมกว่า 80% โดยชูความพร้อมด้านกำลังการผลิต นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต เพื่อตอกย้ำความมั่นใจในกลุ่มผู้แทนจำหน่าย พร้อมประเดิมครึ่งปีหลังด้วยกิจกรรม "SCG Dealers Factory Visit" นำคณะร้านค้าผู้แทนจำหน่ายเอสซีจี เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตโรงงานกระเบื้องกระดาษไทย หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกลุ่มฝ้า ผนัง สมาร์ทบอร์ดและไม้สังเคราะห์ ที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย
นายสราวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ตราช้าง ในกลุ่มเฮ้าส์ซิ่ง บิสซิเนส มีฐานโรงงานผลิตกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และมีการแบ่งไลน์ผลิตสินค้าแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน ได้แก่ โรงงานผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังคา มีกำลังการผลิตประมาณ 60 ล้านตารางเมตรต่อปี ซึ่งในอนาคตวางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตหลังคาเซรามิค และนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มรูปแบบการใช้งาน (Application) ให้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มฝ้าผนัง สมาร์ทบอร์ด และไม้สังเคราะห์ ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 85 ล้านตารางเมตรต่อปี และกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งภูมิทัศน์ มีกำลังการผลิต 4 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 90% และส่งออกไปยังต่างประเทศ 10% ซึ่งกำลังการผลิตทั้งหมดของ "ตราช้าง" สามารถรองรับความต้องการของตลาดวัสดุก่อสร้างที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากปี 2557 เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากโครงการของภาครัฐที่ไฟเขียวเริ่มต้นในปีนี้
"เราเชื่อว่ากลยุทธ์สร้างความเชื่อมั่นกลุ่มผู้แทนจำหน่ายและช่องทางจำหน่าย ตลอดจนดีมานด์ผ่านช่องทางจำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งที่ยังคงสูงขึ้น จะช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราช้าง มั่นใจว่าจะช่วยดันยอดขายให้เติบโตตามเป้า โดยปี 2558 วางเป้าหมายกลุ่มเฮ้าส์ซิ่ง เติบโต 5-10% จากปีก่อน สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของตลาดรวมวัสดุก่อสร้าง" นายสราวุฒิ กล่าวในท้ายสุด