กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--สำนักข่าวนครโพสต์
วันนี้(15 กรกฎาคม 58) ที่จังหวัดภูเก็ต นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน นายชวลิต พิชาลัย พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ได้ร่วมกันประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย (เจดีเอ–เอ 18) จะมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ซึ่งในปีนี้กำหนดไว้ 5 วัน อยู่ในช่วง 21-25 กรกฎาคม 2558 โดยมีนายพัลลภ สิงหเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานสภาอุตสาหกรรม ประธานหอการค้า นายกสมาคมต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต และสื่อมวลชนภูเก็ตเข้าร่วมรับฟังอย่างคับคั่ง
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย–มาเลเซีย (เจดีเอ–เอ 18) จะมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี จะทำให้ก๊าซธรรมชาติหายไปจากระบบประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบกับโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 จ.สงขลา กำลังการผลิตไฟฟ้า 800 เมกะวัตต์ ที่อาศัยก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเจดีเอเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้ จึงได้มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าเพื่อประชาชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจ จะได้มีเวลาเตรียมพร้อมและให้ความร่วมมือกับภาครัฐร่วมกันป้องกันความเสี่ยงต่อการจะเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้
นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ให้ข้อมูลว่าการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซเจดีเอในปี 2558 นี้ แม้ช่วงระยะเวลาเพียง 5 วัน กระทรวงพลังงานก็เตรียมความพร้อมเต็มที่ในการรับมือและป้องกันไฟฟ้าดับในพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้แผนปฏิบัติเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาเพราะทุกภาคส่วนมีพื้นฐานความเข้าใจขั้นตอนอยู่แล้วและได้ร่วมกันช่วยดูแลจนผ่านวิกฤติมาได้เป็นอย่างดี และจากการซักซ้อมในปีนี้มีความมั่นใจมากขึ้นจากการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับปรุงโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 1 จ.สงขลา ให้สามารถเปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติได้ ขณะเดียวกัน ปตท. ได้จัดเตรียมน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาสำรองไว้ใช้กับโรงไฟฟ้า และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ดูแลระบบสายส่งไฟฟ้าให้พร้อมมากที่สุด
นายภานุมาศ ลิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 2 ภาคใต้ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจากการซักซ้อมเตรียมการรับมือร่วมกับกระทรวงพลังงานปีนี้คาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้เมื่อรวมกับการส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งเชื่อมโยงภาคกลางถึงภาคใต้จะเหลือประมาณ 2,828 เมกะวัตต์ ซึ่งน่าจะเพียงพอรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงเวลา 18.30 น. – 22.30 น. ที่มีประมาณ 2,350 เมกะวัตต์ พร้อมนี้เพื่อความอุ่นใจให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า กฟภ. จัดให้มีศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสนับสนุนกรณีเหตุการณ์ไม่ปกติ เพื่อประสานงานกับ กฟผ. ที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าและการสั่งการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ให้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้ หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ 1129 PEA Call Center
นายพัลลภ สิงหเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รับทราบแผนรับมือของกระทรวงพลังงานและเชื่อว่าจะช่วยให้ประชาชน กลุ่มอุตสาหกรรมและธุรกิจ มั่นใจในเสถียรภาพของกระแสไฟฟ้าในช่วง 5 วัน ที่จะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและไม่กระทบต่อเศรษฐกิจของภาคใต้ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือความร่วมมือร่วมใจช่วยกันประหยัดไฟฟ้า จึงขอความร่วมมือประชาชน ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก และขอให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจช่วยเลี่ยงหรือลดการใช้ไฟฟ้าระหว่างเวลา 18.30 น. – 22.30 น. ตั้งแต่วันที่ 21 ถึง 25 กรกฎาคม 2558 ในช่วงแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมประจำปี เมื่อเริ่มลดการใช้ไฟฟ้าด้วยวิธีง่ายๆ ได้ในวันนี้แล้ว ขอให้ปฏิบัติต่อไปเป็นประจำ และหาวิธีลดใช้พลังงานอื่นๆ เพิ่มเติม เพราะจะได้ช่วยลดภาระรายจ่ายให้กับผู้มีหน้าที่ชำระค่าไฟฟ้า จะได้มีเงินส่วนที่เหลือไปใช้จ่ายส่วนอื่นที่จำเป็นได้
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวขอบคุณรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และทุกภาคส่วนในจังหวัดภูเก็ต รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้ให้ความร่วมมือลดใช้พลังงานในครั้งนี้ และขออภัยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกท่านอย่างยิ่งในความไม่สะดวกจากสถานการณ์ความจำเป็นในครั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มอบให้สำนักงานพลังงานจังหวัดประจำอยู่ในพื้นที่เพื่อช่วยดูแลและให้คำแนะนำหน่วยงานราชการที่อยู่ในศาลากลาง ประชาชน เอกชน ร่วมกันประหยัดพลังงานในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย