กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
กรมบัญชีกลางแจงหลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ย้ำได้แค่ 4 กรณีเท่านั้น
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี
นายมนัส แจ่มเวหา กล่าวว่า ขอย้ำว่า หลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น ดังนี้
1. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่ง กรณีวิกฤต (สีแดง) กรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) ซึ่งเป็นการบูรณาการหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลร่วมกันของ 3 กองทุน โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พรบ.การแพทย์ฉุกเฉิน คือ ถ้าเป็นกรณีวิกฤต (สีแดง) กรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) ให้โรงพยาบาลเอกชน ส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิ ในระบบ EMCO ที่ สปสช. เพื่อตรวจสอบและจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล
ให้โรงพยาบาลก่อน แล้ว สปสช. จึงเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิ โดยจ่ายตามระบบ DRGs ซึ่งนโยบายในตอนนั้นไม่ให้โรงพยาบาลเก็บเงิน แต่ในทางปฏิบัติ โรงพยาบาลจะเก็บเงินไว้ก่อน เมื่อโรงพยาบาลได้รับแจ้งจาก สปสช.ว่า เข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วน และได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้
2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำมาเบิกจากต้นสังกัด คือ ค่ารักษาพยาบาลครึ่งหนึ่งของที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท เบิกค่าห้องค่าอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้
3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอก และต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล
4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งในขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า สำหรับการเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชนนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง และขณะนี้ได้มีข้อมูลเผยแพร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ในสื่อ Social Media เป็นจำนวนมาก ข้อมูลส่วนใหญ่ค่อนข้างคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง หากข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441
"กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้" นายมนัสกล่าวในตอนท้าย