กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
จากกรณีการเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ที่หน้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้น กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ขอชี้แจงว่า การดำเนินโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ คำนึงถึงความห่วงใยของชุมชน และการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ในทุกมิติของจังหวัดกระบี่ จึงดำเนินการด้วยความรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ โครงการอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(คชก.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามขั้นตอนของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เริ่มออกแบบและรับฟังความคิดเห็น 3 ครั้ง (ค.1 ค.2 ค.3) ทั้งในส่วนโรงไฟฟ้าและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหิน ตั้งแต่ สิงหาคม 2555 ถึง ตุลาคม 2557 ซึ่งได้มีการปรับปรุงตามข้อเสนอของชุมชน ทั้งกลุ่มท่องเที่ยว ประมง เกษตรกรรม ตลอดจนนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ของจังหวัด ที่มุ่งสู่การเป็นเมืองสีเขียว เน้นการท่องเที่ยวและความสวยงามตามธรรมชาติ อาทิ
1.การขนส่งถ่านหินด้วยเรือขนส่งขนาด 10,000 ตัน จากต่างประเทศมายังท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วโดยใช้เรือขนส่งถ่านหินระบบปิดจำนวนไม่เกินวันละ 2 ลำ และใช้เส้นทางเดินเรือเดียวกันกับเรือขนส่งน้ำมันเตาสำหรับโรงไฟฟ้ากระบี่ปัจจุบัน โดยเส้นทางเดินเรือถ่านหินกับแหล่งท่องเที่ยวกับจุดดำน้ำทุกจุด ห่างกันเฉลี่ยกว่า 10 กิโลเมตร จึงไม่มีผลกระทบต่อแหล่งหญ้าทะเล ปะการัง และที่อยู่อาศัยของพะยูน
2.ท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วและการขนถ่ายถ่านหินจากเรือส่งผ่านสายพานลำเลียงไปยังโรงไฟฟ้า กฟผ. ได้ออกแบบเป็นระบบปิดทั้งหมด ดังนั้น จึงไม่มีการฟุ้งกระจายของถ่านหิน และไม่ทำให้ทะเลปนเปื้อนจากถ่านหิน อีกทั้งไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล อาหารทะเล การประกอบอาชีพประมงและวิถีชีวิตชุมชน
3.ในด้านการป้องกันผลกระทบจากมลสารทางอากาศและสุขภาพอนามัยของประชาชนนั้น กฟผ. ได้นำเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าและระบบกำจัดมลสารที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ ระบบกำจัดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ระบบดักจับฝุ่นแบบไฟฟ้าสถิตย์ และระบบดักจับสารปรอท และโลหะหนัก ดังนั้น จึงสามารถควบคุมมลสารที่ระบายจากปล่องของโรงไฟฟ้าได้ดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่องที่ปลายปล่องของโรงไฟฟ้า และสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า เพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าตรวจพบว่าเกินกว่าค่าควบคุม จะหยุดเดินเครื่องเพื่อแก้ไขทันที ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนเกี่ยวกับระบบการป้องกันและดูแลสิ่งแวดล้อม
4.โครงการฯ ใช้เทคโนโลยีสะอาดที่ทันสมัยที่สุดเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน ด้วยระบบเผาไหม้และหม้อต้มไอน้ำระดับ Ultra Super Critical ซึ่งสามารถลดการใช้เชื้อเพลิง และลดการปล่อย CO2 ลงได้ร้อยละ 20
นอกจากนี้ กฟผ. ยังกำหนดนโยบายให้โรงไฟฟ้ากระบี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยของจังหวัดกระบี่ ที่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ดังเช่น โรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น และเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันประเทศดังกล่าวยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยังมีความห่วงใยผลกระทบของโครงการ สามารถติดตามการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงพลังงานและ กฟผ. พร้อมรับฟังข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานโครงการต่อไป