กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--zoompr
ถือเป็นคำถามยอดนิยมที่มีผู้สนใจสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถึงเรื่องของทิศทางเกษตรในช่วงนี้ ว่าสินค้าเกษตรตัวไหนดี ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ก็ต้องขออนุญาตรายงานให้ทราบถึงภาพรวมโดยทั่วไปถึงทิศทางเกษตรในขณะนี้ ที่กำลังมาแรงก็น่าจะเป็นกลุ่มของข้าวหอมที่ตอนนี้สามารถกลับมาครองตลาดในเกาะฮ่องกงได้อีกครั้งหนึ่ง จากที่เคยต้องสูญเสียตลาดให้แก่ประเทศเวียดนามไป สำหรับตัวเลขการส่งออก ณ ปัจจุบัน ไทยครองตลาดอยู่ที่ประมาณ 62.2 % หรือปริมาณ 49,900 ตัน เพิ่มจากเดิมที่เคยส่งออกได้เพียง 33,500 ตัน เหตุผลสนับสนุน เนื่องจากชาวฮ่องกงเกิดความมั่นใจในคุณภาพของข้าวไทย หลังจากที่ได้พูดคุยและทำการตกลงภายใต้ราคาข้าวที่ไม่ผ่านระบบการจำนำ อีกทั้งความชอบในคุณภาพของข้าวหอมไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพี่น้องเกษตรทางภาคอีสานก็น่าจะยังมีโอกาสที่ดีอยู่ไม่น้อย
ส่วนสถานการณ์ของตลาดไก่สด ไก่แปรรูปก็มีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นมาถึง 20 % เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นได้เปิดนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยเราตั้งแต่ต้นปี 2557 หลังจากที่หยุดสั่งซื้อไปตั้งแต่ยุคที่มีไข้หวัดนกระบาดในช่วงปี 2542 หลังจากนั้นก็เกิดพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย สำหรับการส่งออกการส่งออกไก่สดแช่เย็น แช่แข็ง และ แปรรูปในไตรมาสแรกของปี 2558 มีปริมาณประมาณทั้งหมด 140,000 ตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) คิดเป็นมูลค่า 567 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ลาว และสิงคโปร์ เนื่องจากผู้ซื้อมั่นใจในศักยภาพของกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล มีแรงงานฝีมือที่มีความชำนาญ ความประณีตในการตัดแต่งเนื้อไก่ เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ทั้งจีน เกาหลี ไต้หวัน และรวมถึงรัสเซีย ก็สนใจนำเข้าจากไทยเราเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะรัสเซีย ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจตรวจสอบมาตรฐานของไทยแล้ว เหลือแต่อนุมัติระดับทางการเท่านั้น ซึ่งก็ถือเป็นอีกอาชีพหนึ่งด้านการเกษตรที่น่าสนใจในขณะนี้
ส่วนในเรื่องของ ยางพารา ปาล์ม กุ้ง อ้อย ข้าวโพดนั้น ยังถือว่าไม่รุ่งโรจน์สักเท่าไร ปาล์มที่กำลังถกเถียงกับรัฐบาลในเรื่องการขอความช่วยเหลือในการรับซื้อ แต่ติดขัดที่การตรวจสอบคุณภาพของผลปาล์มที่ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือ ทำให้ยังไม่เกิดการซื้อขายจริงที่หน้างาน ยางพารานั้นก็คิดว่าคงจะซบเซาอีกนาน เนื่องด้วยเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ราคาน้ำมันที่ตกต่ำลง ทำให้ยางสังเคราะห์มีราคาถูก และปริมาณของยางพาราที่ปลูกจากประเทศจีน รวมถึงจากกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ที่มีการปลูกกันอยู่เกือบเต็มพื้นที่ โดยการสนับสนุนจากพี่ใหญ่อาเซียนอย่างประเทศจีน ส่วนเรื่อง "กุ้ง" นั้น ถือว่าประสบปัญหาจากหลายๆ ด้าน ทั้งภัยแล้ง ทั้งโรคตายด่วน อีเอ็มเอส มาตรการกีดกันทางภาษี (จีเอสพี, แรงงานทาส แรงงานเถื่อน แรงงานเด็ก ฯลฯ) จึงทำให้สถานการณ์ตกต่ำเป็นอย่างมาก ราคากุ้งขาวในปัจจุบัน ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี อีกทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ในบ้านเรามีการย้ายฐาน ยกโรงงานไปยังเวียดนาม อินเดีย ที่มีสภาพแวดล้อมและแรงงานที่ได้เปรียบกว่าบ้านเรา จึงทำให้อาชีพเกี่ยวกับสัตว์น้ำในช่วงนี้น่าจะยังคงเงียบเหงาไปอีกสักพักครับ โอกาสหน้าจะหาข้อมูลดีๆ มาฝากกันอีกนะครับ
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889