กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--กรมฝนหลวง และการบินเกษตร
วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง เดินทางไปตรวจเยี่ยม ศูนย์ฝนหลวงพิเศษนครสวรรค์ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนรวมทั้งผลการปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ โดยได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์สังเกตสถานการณ์น้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติการฝนหลวง?โดยนายวราวุธ?ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฝนหลวงพิเศษ
สรุปผลการปฏิบัติการของศูนย์ฝนหลวงพิเศษ 2 ศูนย์ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงปกติ 7 หน่วย ดังต่อไปนี้
1.ศูนย์ฝนหลวงพิเศษจังหวัดนครสวรรค์ เริ่มเปิดหน่วยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 16 วัน รวม 166 เที่ยวบิน มีฝนตก 16 วัน จำนวนชั่วโมงบิน245:25 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 137.8 ตัน โดยมีรายงานฝนตกทั้ง 7 จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายหลัก ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดชัยนาท จังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบูรณ์ และมีฝนตกในพื้นที่ลุ่มรับน้ำของเขื่อนต่างๆ โดยมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ ดังนี้
1.1 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เริ่มมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 2558 เป็นต้นมา รวม 5.71 ล้าน ลบ.ม.
1.2 เขื่อนกระเสียว เริ่มมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ติดต่อกันเป็นวันที่ 14 ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2558 เป็นต้นมา รวม 2.2 ล้าน ลบ.ม.
2.ศูนย์ฝนหลวงพิเศษจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มเปิดหน่วยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 16 วัน รวม 125 เที่ยวบิน มีฝนตก 16 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 224:30 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 159.5 ตัน จังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จังหวัดแพร่ จังหวัดลำปางจังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดพะเยา และจังหวัดสุโขทัย (9 จังหวัด)
2.1 เขื่อนภูมิพล เริ่มมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 2558เป็นต้นมา รวม 10.25 ล้าน ลบ.ม.
2.2 เขื่อนสิริกิติ์ เริ่มมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ติดต่อกันเป็นวันที่ 16 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2558 เป็นต้นมา รวม 90.18 ล้าน ลบ.ม.
3.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 16 วัน รวม 116 เที่ยวบิน มีฝนตก 14 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 188:15 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 101.1 ตันจังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดลำปาง จังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จังหวัดตาก จังหวัดพะเยา จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดเชียงราย (14 จังหวัด)
3.1 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เริ่มมีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ติดต่อกันเป็นวันที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. 2558 เป็นต้นมา รวม 4.82 ล้าน ลบ.ม.
4.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 16 วัน รวม 61 เที่ยวบิน มีฝนตก 13 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 101:5 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 61 ตันจังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดเลย จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดหนองคาย
(14 จังหวัด)
5.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสกลนคร เริ่มเปิดหน่วยตั้งแต่วันที่ 10–16 กรกฎาคม 2558 ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 6 วัน รวม 22 เที่ยวบิน มีฝนตก 5 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 22:10 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 15.2 ตัน จังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม (2 จังหวัด)
6.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 16 วัน รวม 61 เที่ยวบิน มีฝนตก 14 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 68:35 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 60.2 ตันจังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสุรินทร์ (5 จังหวัด)
7.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 8 วัน รวม 13 เที่ยวบิน มีฝนตก 8 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 14:15 ชั่วโมงปริมาณการใช้สารฝนหลวง 26 ตัน จังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี (7 จังหวัด)
8.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 14 วัน รวม 50 เที่ยวบิน มีฝนตก 13 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 56:50 ชั่วโมงปริมาณการใช้สารฝนหลวง 35 ตัน จังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดตาก จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดนครปฐม จังหวัดอ่างทอง จังหวัดนนทบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดสระบุรี และจังหวัดสิงห์บุรี (13 จังหวัด)
8.1 เขื่อนศรีนครินทร์ มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ต่อเนื่องทุกวัน รวม 98.26 ล้าน ลบ.ม.
8.2 เขื่อนวชิราลงกรณ์ มีน้ำไหลเข้าอ่างฯ ต่อเนื่องทุกวัน รวม 410.04 ล้าน ลบ.ม.
9.หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 16 กรกฎาคม 2558 ขึ้นบินไปแล้ว 16 วัน รวม 67 เที่ยวบิน มีฝนตก 15 วัน จำนวนชั่วโมงบิน 98:50 ชั่วโมง ปริมาณการใช้สารฝนหลวง 48.4 ตันจังหวัดที่มีรายงานมีฝนตก (จากการตรวจวัดด้วยเรดาร์ และเครื่องวัดน้ำฝนอัตโนมัติ) ได้แก่จังหวัดสระแก้ว จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรี (5 จังหวัด)
นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่าตั้งแต่มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศูนย์ฝนหลวงพิเศษ 2 แห่ง ที่นครสวรรค์และเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา ทำให้การปฏิบัติการฝนหลวงของทุกหน่วย ทั้งหน่วยฝนหลวงพิเศษและหน่วยปกติที่มีอยู่เดิม ประสบความสำเร็จเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกทั้งการเพิ่มเที่ยวบินในการโจมตีเมฆของศูนย์ฝนหลวงพิเศษจึงทำให้มีฝนตกทุกวันในทุกพื้นที่เป้าหมาย และมีน้ำไหลลงเขื่อนสำคัญๆมากขึ้น สำหรับในช่วงนี้กำลังปรับแผนการช่วยเหลือในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและเติมน้ำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ส่งผลให้เริ่มมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีน้ำต้นทุนที่จะปล่อยเข้าสู่ระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร อุปโภคบริโภค และเป็นการผลักดันน้ำเค็ม ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อีกทางหนึ่ง