กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--อาร์เอส
กลายเป็นกรณีเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดไปซะแล้ว สำหรับ “แพท-ณปภา ตันตระกูล” และ“แมน-การิน ศตายุส์” หลังจากมีปัญหากันในเรื่องของธุรกิจคลินิกเสริมความงามถึงขึ้นต้องปิดบริษัท ดูเหมือนเรื่องราวจะจบไปด้วยดี แต่ล่าสุด “สาวแพท” เปิดใจกับทีมข่าว “ ช่อง 2”ข่าวลึก บันเทิงร้อน ถึงเรื่องนี้แบบละเอียด พร้อมลั่น! ไม่เข้าว่าต้องการอะไรในเมื่อจ่ายเงินไปหมดแล้ว
อย่าให้พูดถึงสาเหตุที่เลิกทำคลินิกกับแมน-การินหน่อย ?
“จริงๆ มันไม่มีอะไรเลย มันเป็นเรื่องภายในด้วยซ้ำ ไม่ควรจะพูดอะไรกันเยอะแยะ ตั้งเป็นประเด็น จริงๆ เรื่องนี้ไม่ได้มาจาแพทเลยนะ แพทไม่ได้เป็นคนพูดก่อนอะไรก่อน แพทยังงงเลยตอนที่มีนักข่าวมาถาม ว่าทำไมรู้ ก็พอจะเดาไม่ยากว่ามันมากจากไหน จริงๆ เรื่องมาถึงตอนนี้ไม่น่าจะพูดแล้ว เพราะว่าเรื่องมันจบไปนานแล้ว ล่าสุดคุณหมอที่เป็นหุ้นกับแพทแคปในสิ่งที่เขาเห็นมา จากข่าวของคนอื่นมาให้แพทดู ทำไมถึงยังไม่จบเขาต้องการอะไร อันนี้คุณหมอถามมาเลย คุณหมอบอกว่า โอนตังค์ไปแล้วนิคะตั้งนานแล้วด้วย ต้องการอะไรอีกถึงพยายามเป็นข่าว ตัวแพทเองก็ตอบหมอไม่ได้เหมือนกัน ก็บอกไปว่าหนูไม่รู้คะ เพราะเซ็นต์ปิดบริษัทก็เซ็นต์ปิดไปกันแล้ว เรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว อย่างที่คุณหมอรู้ คือ คุณหมอเป็นคนโอนตังค์เองกับมือคุณหมอ คุณหมอก็รู้ว่าโอนตังค์ไปให้เขาตั้งนานแล้ว ยอดเงินตามที่เขาต้องการทุกอย่างแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าทำไมถึงยังเป็นข่าว เป็นกระแสอะไรก็ไม่รู้ ตัวแพทเองต้องการแค่สลับหุ้น แต่ตอนพี่แมนเขาไม่ต้องการ เขาไม่ต้องการร่วมธุรกิจนี้เลย เขาเป็นขอเลยว่าปิดเลยครับ ทางฝั่งน้องเกลและพี่แมนบอกว่าต้องปิดบริษัทเลย คือ ไม่ขอร่วมหุ้นหรือว่ามีชื่อเขาอยู่ ขอปิดเลยอะคะ”
ในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เคลียร์กันหมดยัง ?
“เรียบร้อยหมดแล้วคะ แพทขอบอกไว้ตรงนี้นะคะ ว่าเรียบร้อยไปแล้ว เข้าใจคำว่าจ่ายเงินไปแล้วมั้ยคะ คุณหมอได้โอนเงินไปแล้วในส่วนที่เขาต้องการ มันควรจะจบแล้ว ไม่ควรจะมานั่งพูด ให้มันเป็นกระแสหรือสร้างข่าวขึ้นมาเพื่ออะไรขึ้นแพทไม่รู้ เพราะเอกสารปิดบริษัทแพทเซ็นต์แล้ว บริษัทที่ทำมาด้วยกันปิดไปแล้ว แต่ทำไมแพทยังใช้ บิวตี้วีว่า สกิน คลินิกได้เพราะ มันไม่ได้ชื่อเดิม มันมีคำว่าสกินเข้ามา อีกอย่างหนี่งบิวตี้วีว่าแพทก็บริหารมาเอง 8เดือนทำไมถึงจะใช้ชื่อนี้ไม่ได้ ถ้าเกิดชื่อนี้พี่แมนเอาไปทำเป็นอย่างอื่นแล้ว แพทไม่ควรจะใช้ซ้ำกับพี่อันนั้นเข้าใจ แต่ชื่อนี้ถูกปิดไปแล้ว เงินเรียกมาเท่าไหร่ คิดเป็นสัดส่วนที่เขาต้องการหมดแล้ว คุณหมอโอนให้เขาไปเป็นเดือนแล้ว คือต้องการอะไรที่ให้พี่ๆ นักข่าวมาสัมภาษณ์แพท ณ ตอนนี้แพทงงมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ทะเลาะกันถึงขั้นตัดขาดเลยมั้ย ?
“เอาตรงๆ นะคะ แพทไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ณ ตอนนี้ ถ้าเกิดวันนี้แพทยังไม่ได้โอนตังค์ให้ ยังไม่ได้ปิดบริษัทให้ แล้วมีปัญหากันโอเคอันนั้นเข้าใจว่าจะต้องสะเทือนใจกัน แต่ตอนนี้เงินคุณก็ได้แล้ว บริษัทก็เซ็นต์ปิดแล้ว แล้วจะเอาอะไร ความรู้สึกตอนนี้คือไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่ใช่แค่แพทไม่เข้าใจ กล้าพูดเต็มปากเลยว่าคุณหมอก็ไม่เข้าใจเพราะเป็นคนโอนเงินเอง แพทเป็นคนเซ็นต์ปิดบริษัทเองกับมือ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโพสต์เฟรชบุคหรืออินสตาร์แกรมเพื่อสร้างกระแส ตัวผู้จัดการฯ ร้านที่คอยดูเงิน เขารู้อยู่แล้วว่าแพทไม่เคยจับเงินเลย เขาเป็นคนเคลียร์เรื่องอุปกรณ์ว่าต้องจ่ายอะไรยังไง ตัวแพทยิ่งไม่เข้าใจเพราะเคลียร์ทุกอย่างไปหมดแล้ว”
นอกจากเงินแล้วเขาอยากจะได้อุปกรณ์ในการลงทุนด้วยหรือเปล่า ?
“ไม่ได้นะคะ เพราะอีก 50 เปอร์เซ็นต์มันเป็นของแพท จะคืนยังไงคุณไม่ได้ถือ 100 เปอร์เซ็น คุณถือ50 แพทถือ 50 แพทมีส่วนในอุปกรณ์นั้น 50 จะเอาไปยังไงในเมื่อเคลียร์ให้แล้ว เรียกคนมาตีราคาเครื่องมือแล้วหนิคะ ตีเป็นจำนวนเงิน แพทก็เอา 50 เปอร์เซ็นต์ของแพทมาหุ้นกับคุณหมอมันยากตรงไหน”
เสียดายความสัมพันธ์มั้ย ?
“ไม่เสียดายเลยคะ ตอนนี้แพทต้องมานั่งตอบคำถามในสิ่งที่แพทไม่ควรจะตอบแล้ว ถ้าเรื่องมันยังไม่จบแพทยินดีเลยนะ แต่ตอนนี้มันจบก็ได้เงินกันไปหมดแล้ว คลินิกใหม่ก็เปิดแล้ว จดทะเบียนบริษัทใหม่แล้ว ทำไมต้องมานั่งพูดเรื่องนี้ ถามว่าทำงานด้วยกันได้มั้ย เอาที่จำเป็นคะ ด้วยตัวแพทเป็นคนที่ตรงมาก ไม่เคยคิดจะโกงใครอยู่แล้ว แพทจะบอกตั้งแต่ต้นเลยถ้าใครยังไม่รู้ คลินิกเนี่ยเขาเป็นคนชวนแพทนะคะ แถทไม่ได้ชวนเขานะคะ ตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าแพทไปชวนเขามาทำแล้วมีปัญหากัน เขาเป็นคนชวนแพทนะคะ แล้วเขาก็เป็นคนขอปิด”