กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ในปัจจุบันเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ยุคไร้พรมแดน การเดินทาง การค้าขาย การลงทุน การติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศทำได้สะดวกมากและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนำเข้าและส่งออก มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีเครื่องมือต่างๆ ทางเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้แต่ละประเทศต้องมีนโยบายในการส่งเสริมการส่งออกและนำเข้าที่มีประสิทธิภาพอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำการค้าออนไลน์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการทำการค้าในยุคดิจิตอลนี้
ล่าสุดการประชุมร่วมมือทางวิชาการไทย-ลาว ครั้งที่ 20 รัฐบาลไทยสนับสนุนการฝึกอบรม ดูงานให้แก่เจ้าหน้าที่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยจัดหลักสูตร Import and Export Promotion มุ่งศึกษาเครื่องมือ นโยบาย ปัญหาและอุปสรรคในการส่งเสริมการนำเข้าและส่งออกด้านการค้าออนไลน์ของไทยเทรดดอทคอมเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายการค้าระหว่างประเทศของ สปป.ลาว
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ไทยเทรดดอทคอมยังได้ถ่ายทอดความรู้และแนะนำเจ้าหน้าสปป.ลาวในเรื่องการให้บริการต่างๆ ของเว็บไซต์ไทยเทรดดอทคอม รวมไปถึงประโยชน์ที่ผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างประเทศจะได้รับจากศูนย์ไทยเทรดดอม เซ็นเตอร์ อันได้แก่
- บริการ Online Chat สนับสนุนการใช้บริการ Thaitrade.com และเรื่องอื่นๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
- Thaitrade.com Smart Sourcing Service & Business Matching การให้บริการสรรหาสินค้าตามความต้องการของผู้ซื้อ และนำเสนอผู้ขายบน Thaitrade.com (Smart Sourcing Service – SSS) เพื่อทำการจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
- Thaitrade.com Clinic การให้บริการคำปรึกษา แนะแนววิธีการใช้งาน Thaitrade.com เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานบน Thaitrade.com โดยมีจุดบริการถ่ายภาพสินค้า การให้บริการแนะนำวิธีการถ่ายภาพสินค้าและตกแต่งภาพสินค้าให้น่าสนใจโดยผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สปป.ลาว มีความสนใจที่จะนำการแนวทางดำเนินการปฏิบัติงานของไทยเทรดดอทคอม ไปปรับใช้การค้าระหว่างเพื่อก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจโลก และนำความรู้ด้านการค้าออนไลน์ ประโยชน์ด้านการค้าออนไลน์นำไปวางแผนและถ่ายทอดสู่ผู้ร่วมงานในประเทศของตน ซึ่งจะส่งผลต่อการยกระดับการทำงานของกลุ่มเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป