กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) วันนี้ได้รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับครึ่งแรกของปี 2558 จำนวน 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.1% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2557 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรสุทธิจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
สำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้ กรุงศรีมีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาส 2/2557 และเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 1/2558
สรุปผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) และฐานะการเงินที่สำคัญ สำหรับไตรมาส 2/2558
การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 22.9% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 232 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 0.8% หรือจำนวน 10.1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558
การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 20.3% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 170 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 แต่ลดลง 0.3% หรือจำนวน 3.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558
กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 1/2558 และเพิ่มขึ้น 25.9% จากไตรมาส 2/2557
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 4.23% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: ลดลง 1.8% จากไตรมาส 1/2558 แต่เพิ่มขึ้น 17.4% จากไตรมาส 2/2557
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 47.1% ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.3% ในไตรมาส 1/2558
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 2.35% ต่อเงินให้สินเชื่อรวม เมื่อเทียบกับ 2.36% ในไตรมาส 1/2558
อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 142%
อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 13.8% เมื่อเทียบกับ 14.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 สินเชื่อขยายตัว 22.9% โดยมียอดรวมอยู่ที่ 1.245 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 232 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 ทั้งนี้ สินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 2.0% จากความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 79.5% ปัจจัยหลักเป็นผลจากสินเชื่อธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด (BTMU) สาขากรุงเทพฯ ที่โอนมายังกรุงศรีในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) หดตัว 5.6% สะท้อนกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง
เงินรับฝากมีจำนวนทั้งสิ้น 1.007 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 170 พันล้านบาท หรือ 20.3% จากเดือนธันวาคม 2557 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับโอนเงินฝากจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ และความสำเร็จในการระดมเงินฝากผ่าน “เงินฝากประจำ Step up 8 เดือน” และความสำเร็จในผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ “กรุงศรีมีแต่ได้” และ “ออมทรัพย์จัดให้” ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 52.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 4.23% เทียบกับ 4.21% ในไตรมาสก่อนหน้า และ 4.32% ในปี 2557 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับลดลง ปัจจัยหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของขนาดสินทรัพย์เฉลี่ยสำหรับครึ่งแรกของปี 2558
การบริหารพอร์ตสินเชื่อด้วยความรอบคอบระมัดระวังส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ดี โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งหมดลดลงมาอยู่ที่ 2.35% เมื่อเทียบกับ 2.36% ในไตรมาส 1/2558
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจที่ชะลอตัว ผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2558 ของกรุงศรี สะท้อนขีดความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและพลังทางธุรกิจอันเป็นผลจากการผสานความร่วมมือ จากการรับโอนธุรกิจจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ ในช่วงต้นปี 2558”
นายโกโตะ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคารว่า “จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งแรกของปี กอปรกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2558 ส่งผลให้ธนาคารปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2558 มาอยู่ที่ 2.7-3.2% จากเดิมที่ประมาณการที่ 3.3-3.8% ในช่วงต้นปี อย่างไรก็ดี การเร่งลงทุนของภาครัฐ นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย และภาคการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดังนั้นภายใต้การปรับปรุงสมมติฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารจึงได้ปรับเป้าการเติบโตสินเชื่อสำหรับปี 2558 จาก 7-9% มาอยู่ที่ 4-6% (ไม่รวมผลจากสินเชื่อที่ได้รับโอนจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ)”
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในไทยมีสินเชื่อรวม 1.2 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.0 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.6 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 167 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 13.8% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.03%