กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--บลจ.กสิกรไทย
บลจ.กสิกรไทย แถลงผลดำเนินงานครึ่งปีแรก ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดกองทุนด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและช่องทางบริการที่พัฒนาต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์ปักธงการลงทุนครอบคลุมทั่วโลก พร้อมตั้งเป้าขยายฐานเป็นผู้นำการลงทุนสู่ระดับภูมิภาค
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปี 2558 ที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจจัดการกองทุนด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1,117,301 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 20.6% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558) รวมถึงยังสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งในธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 22.4% และ15.5% ตามลำดับ ทั้งนี้ประเภทของกองทุนรวมที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนต่างประเทศ (FIF) กองทุนตลาดเงิน กองทุน LTF และกองทุน RMF ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 38% , 32%, 25% และ 26% ตามลำดับ โดยกองทุนที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ กองทุนต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 24.6% และกองทุนตลาดเงินที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 31.6%
“ด้านผลการดำเนินงานของกองทุนรวมในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย สามารถบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ และมีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งกองทุนต่างประเทศ กองทุนหุ้นไทย และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวม 27 กองทุน คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 4,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2558 นับว่าเป็นปีที่ภาวะตลาดมีความผันผวนทั่วโลก ดังนั้นกองทุนต่างประเทศของบลจ.กสิกรไทยที่มีการลงทุนในหลากหลายภูมิภาค จึงให้ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เช่น กองทุน K-JP ให้ผลตอบแทน 19.10% ขณะที่กองทุน K-ASIA ให้ผลตอบแทน 8.04% เป็นต้น ทั้งนี้กองทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ของบลจ.กสิกรไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเมื่อตลาดในแต่ละประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่แตกต่างกัน การที่บลจ.กสิกรไทยมีหลายกองทุนที่แยกการลงทุนในแต่ละภูมิภาคนี้ ผู้ลงทุนจึงมีโอกาสเลือกลงทุนที่สอดคล้องกับความต้องการได้และไม่พลาดโอกาสไป” นายวศินกล่าว
ด้านนายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลังว่า บริษัทยังเน้นกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่ครอบคลุมการลงทุนไปทั่วโลก (Global Investment) และอาศัยจุดเด่นของความเป็นผู้นำกองทุนรวมต่างประเทศ ที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและการกระจายการลงทุนไปยังเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลกนี้ ทำให้ทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์การลงทุนของบลจ.กสิกรไทยมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจและภาวะตลาดในภูมิภาคต่างๆ กับผู้จัดกองทุนชั้นนำระดับโลกอยู่ตลอดเวลา และพร้อมที่จะต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญรวมถึงประสบการณ์จากการลงทุนไปทั่วโลก ด้วยการขยายศักยภาพการลงทุนเจาะลึกลงไปสู่ระดับภูมิภาค (Regional Player) โดยจะเข้าไปลงทุนโดยตรงในกลุ่มประเทศอาเซียน ต้อนรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจแห่งอาเซียนหรือ AEC ในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทย ได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ต้นปี 2557 ทั้งในด้านทีมงาน การศึกษาสภาพตลาดหุ้น และการวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นรายตัวในกลุ่มประเทศสมาชิกนอกเหนือประเทศไทย โดยขณะนี้ได้ศึกษาคลอบคลุมกว่า 150 หุ้น จาก 4 ประเทศหลักได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม บริษัทจึงมีความพร้อมที่จะเปิดเสนอขายกองทุนหุ้นอาเซียน (ในชื่อกองทุน K-AEC) ได้ในประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ พร้อมทั้งตั้งเป้าความเป็นผู้นำการลงทุนในอาเซียนนี้ด้วย
“นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและนำเสนอทางเลือกการลงทุนทั้งในแง่ของประเภทสินทรัพย์และภูมิภาค บริษัทจึงจะขยายการลงทุนไปยัง Sector ใหม่ๆ รวมถึงกองทุนประเภท Index Fund ที่จะลงทุนในประเทศหรือในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการพัฒนาระบบบริการให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการผู้ลงทุนให้เข้าถึงการลงทุนได้อย่างรวดเร็วในทุกช่องทาง ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดตัวบริการใหม่ DIY Target Fund บนระบบลงทุนออนไลน์ K-Cyber Invest ที่จะเป็นตัวช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆควบคู่ไปกับระบบบริการเหล่านี้ จะช่วยตอบโจทย์และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ได้สามารถตัดสินใจเข้าลงทุนได้อย่างรวดเร็ว ไม่พลาดโอกาสในทุกสถานการณ์ลงทุน” นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าว
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจและมุมมองการลงทุนในครึ่งปีหลัง ทีมผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทยเปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำโดยเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ โดยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามและอาจทำให้ตลาดมีความผันผวนในครึ่งปีหลัง ได้แก่ ความผันผวนในตลาดหุ้นจีน ปัญหาหนี้กรีซ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ กลยุทธ์การลงทุนของบลจ.กสิกรไทย จึงเน้นการหาจังหวะปรับแผนการลงทุนให้รองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง และให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดที่ยังมีระดับราคาที่เหมาะสม อาทิ เอเชีย ยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต เช่น มาตรการ QE ของธนาคารกลางในแต่ละแห่ง การฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัท เป็นต้น
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าตลาดน่าจะมีการปรับคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีในปี 2558 ลงอีก ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยรวมถึงบลจ.กสิกรไทยคาดการณ์การเติบโตไว้อยู่ที่ระดับ 2.8% โดยปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นและความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง จะมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ และการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงปัจจัยบวกจากสภาพคล่องในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือเหตุการณ์ภัยแล้งแล้งที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป รวมถึงความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวของภาคส่งออก ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทยครึ่งปีหลัง จะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มส่งออก กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มสื่อสาร โดยบลจ.กสิกรไทย มองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 อยู่ที่ระดับ 1,600 จุด ด้วยอัตราส่วน Forward P/E ที่ระดับ 16 เท่า ด้านมุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ครึ่งปีหลัง บลจ.กสิกรไทย คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำหรือปรับลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีโอกาสปรับสูงขึ้นตามทิศทางการเคลื่อนย้ายของเงินลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนของบลจ.กสิกรไทย ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น จะเน้นเพิ่มระยะเวลาการลงทุนที่ยาวขึ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม ส่วนกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป จะเน้นจับจังหวะการลงทุน โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนคุณภาพ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วย
กองทุน ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
3 เดือน 6 เดือน 1 ปี ตั้งแต่ต้นปี
กองทุนK-ASIA 5.55% 8.55% 10.29% 8.04%
Benchmark 10.55% 16.5% 10.32% 15.76%
กองทุนK-JP 8.27% 17.00% - 19.10%
Benchmark 8.14% 19.15% 20.42% 20.67%
ที่มา: บลจ.กสิกรไทย วันที่ 26 มิ.ย. 58