กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
LHBANK เผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2558กำไรสุทธิ 748 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40% สินทรัพย์รวม 186,502 ล้านบาทสินเชื่อเติบโตจากสิ้นปี 9.8% สินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำเพียง 1.97%เผยครึ่งปีหลังยังเดินหน้าขยายสินเชื่อ
นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) แถลงผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2558 ของกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งประกอบด้วย บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์ เชียล กรุ๊ป ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ว่า แม้ภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายด้าน แต่ผลดำเนินงานของกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในครึ่งแรกปี 2558 ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2558 บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) (LHFG) มีกำไรสุทธิ 748.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40.5% และผลการดำเนินงานของธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด(มหาชน) มีกำไรสุทธิ 750.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลักๆ มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากเงินลงทุน ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงาน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-Income) ของธนาคารลดลงจาก 49.6% ของปีก่อนมาอยู่ที่ 41.5% รวมถึงคุณภาพสินเชื่อที่ดี มีสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำเพียง 1.97% ของเงินให้สินเชื่อรวม รวมทั้งธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 174% เพื่อสร้างความเข็มแข็งด้านเงินสำรองและเพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
ด้านสินทรัพย์ของธนาคาร เติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2558 มีสินทรัพย์รวม 185,143 ล้านบาท มีเงินให้สินเชื่อรวม 127,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 9.8% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.6% เป็นผลจากการผลักดันกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ โครงสร้างสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่คิดเป็น 56% รองลงมาเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 25% และสินเชื่อ SME 19% ของเงินให้สินเชื่อทั้งหมด
ด้านเงินฝากและเงินกู้ยืมอยู่ที่ 161,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.5% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.7% เป็นผลมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันสาขาของธนาคารมีทั้งสิ้น 122 สาขา เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 5 สาขา แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ 45 สาขา และสาขาในภูมิภาค 77 สาขา
ด้านความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2558 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 10.04% และเงินกองทุนทั้งสิ้นอยู่ที่ 14.04% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% เงินกองทุนที่แข็งแกร่งนี้จะสามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจ สร้างความหลากหลายทางธุรกิจได้ในอนาคต และช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง
ด้านบริการ ธนาคารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบริการ Cash Management ที่ตอบโจทย์การจัดการธุรกิจให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจร เป็นบริการที่ช่วยลดภาระการทำงานเอกสาร เพิ่มช่องทางรับชำระค่าสินค้าและบริการ, บริการบัตร ATM LH Bank ที่สามารถกดถอน/โอน หรือสอบถามยอดเงิน ผ่านตู้ ATM ได้ทุกตู้ ทุกธนาคาร ทุกที่ ทั่วไทย แบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง และฟรีค่าธรรมเนียมทุกการกด, บริการ Internet Banking, บริการ SMS Alert ที่จะส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อมีเงินเข้าออกบัญชีเงินฝากผ่านโทรศัพท์มือถือ, บริการฝากเงินสดข้ามธนาคารผ่านตู้ ATM 3 in 1 และการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ถือบัตร CUP, JCB ให้สามารถถอนเงินสด (สกุลเงินบาท) ได้ที่ตู้ ATM LH Bank ทุกตู้ ทั่วประเทศ รวมถึงการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Currency Exchange) เป็นต้น
นางศศิธร กล่าวถึงแผนกลยุทธ์ครึ่งหลังปี 2558 ว่า ตามที่ธนาคารได้เสนอขายตราสารด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนประเภทที่ 2 จำนวน 4,000 ล้านบาท เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความเข็งแกร่งของเงินกองทุน ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายธุรกิจได้อีก 3-5 ปี ธนาคารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ “A-” (Single A Minus) และแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 15-20% โดยเน้นขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพ และจะรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรให้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หลากหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละกลุ่ม อีกทั้งเพิ่มรายได้และค่าธรรมเนียมจาก Bancassurance ค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุน และค่าธรรมเนียมต่างๆ จากบริการที่ธนาคารได้พัฒนาและให้บริการ
ครึ่งปีหลังปี 2558 ธนาคารยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ คือสร้างการเติบโตของบริษัทในกลุ่มการเงิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และเน้นการเข้าถึงลูกค้าทุกช่องทาง ดังนี้
- การขยายฐานลูกค้า และการเพิ่มสัดส่วนการถือครองผลิตภัณฑ์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มให้มากขึ้น โดยการออกโปรโมชั่นหรือการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดธนาคารออกโปรโมชั่น เปิดบัญชีออมทรัพย์ ฟรี ATM และSMS Alert สำหรับลูกค้าใหม่ ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทุกประเภท พร้อมสมัครใช้บริการบัตร ATM และบริการ SMS Alert จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมบัตร ATM แรกเข้าและรายปี (ปีแรก) และยกเว้นค่าธรรมเนียม SMS Alert ระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่สมัคร ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2558
- การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ในรูปแบบแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถเช็คยอดเงิน โอนเงิน เติมเงิน การชำระค่าสินค้าและบริการได้สะดวกและรวดเร็ว ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวมไปถึงลูกค้ายังสามารถค้นหาสาขาและตู้เอทีเอ็มของธนาคารได้อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการใช้งานของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิตอล ซึ่งธนาคารมีแผนเปิดให้บริการประมาณไตรมาสแรก ของปี 2559
รวมถึงธนาคารมีแผนออกบัตรเดบิตร่วมกับ บริษัท UnionPay International (UPI) ด้วยธนาคารเล็งเห็นว่าปัจจุบันมีฐานลูกค้าผู้ถือบัตรเดบิต UnionPay อยู่ทั่วโลก และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น บัตรเดบิต LH Bank UnionPayจะช่วยตอบโจทย์ในการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า นักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ ในการเบิกถอนเงินสดหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งมีแผนเปิดให้บริการประมาณไตรมาส 2 ปี 2559
- การสร้างแบรนด์ LH Bank ให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง โดยธนคารได้ทำการตลาดผ่าน Social Media ต่างๆ เช่น LINE Facebook Youtube เพื่อเพิ่มช่องทางการสื่อสารในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับครึ่งหลังปี 2558 ธนาคารมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขา ทำให้สิ้นปี 2558 ธนาคารจะมีสาขารวมทั้งสิ้น 128 สาขา ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และยังคงร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HomePro) ในการขยายสาขาไปในทุกจังหวัดที่ HomePro ตั้งอยู่ ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์การขยายสาขาของธนาคารให้มีจุดบริการครอบคลุม เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร รวมทั้งการทำการตลาดร่วมกันกับบริษัทในกลุ่มการเงิน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ที่จะมาช่วยเสริมศักยภาพการบริการให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ด้านนายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) เผยตัวเลขมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 เท่ากับ 43,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากมูลค่า 40,978 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับที่ 12 ของอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถสร้างผลงานบริหารกองหุ้นและกองผสมได้อย่างโดดเด่นทั้งกองทุนเปิด แอล เอช โกรท (LHGROWTH) และกองทุนเปิด แอล เอช เฟล็กซิเบิ้ล (LHFL) ซึ่งทั้งสองกองทุนเป็นกองทุนที่ลงทุนเฉพาะในประเทศ โดยมีผลตอบแทนใน 6 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ใน Top 5% แรก (5th Percentile) ของกลุ่มกองทุนประเภทเดียวกันจากรายงานของสมาคมบริษัทจัดการกองทุน และบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)
นายมนรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงครึ่งปีหลังปี 2558 LH Fund จะเดินหน้าขยายขนาดกองทุนภายใต้การบริหารจัดการและเน้นบริหารกองทุนในเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี และจะกระจายความเสี่ยงด้วยการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสการลงทุน พร้อมผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า และในครึ่งหลังปี 2558 บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีแผนออกกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนประเภท Feeder Fund เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการเพิ่มการลงทุนที่หลากหลาย แต่รับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดย บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะคัดเลือกกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศและหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเป็นกองทุนที่มีประวัติผลการดำเนินงานดี และมีความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม
นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้จัดการและรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities) ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบวงจร บริษัทมีแผนจะเปิดให้บริการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และธุรกิจอนุพันธ์อย่างเต็มรูปแบบเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างทีมวิทยากรแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทั้งด้านหลักทรัพย์และอนุพันธ์ ซึ่งทีมดังกล่าวจะให้ความรู้ด้านการลงทุนลูกค้าและผู้ที่สนใจ และในระยะยาวทีมนี้จะมีส่วนสำคัญในการช่วยขยายฐานลูกค้าของบริษัทด้วย
ด้านการขยายสาขา บริษัทจะพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ และปริมาณธุรกรรมในแต่ละพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งข้อได้เปรียบของบริษัท คือ การมีเครือข่ายสาขาของ LH Bank กว่า 122 สาขา ทำให้ไม่ต้องเร่งขยายสาขา เพราะสาขาของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ สามารถรองรับได้อยู่แล้ว และบริษัทมีแผนเปิดสาขาเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบ Cyber Branch ในสาขาของธนาคาร และ รูปแบบ Stand alone โดยในปี 2558 จะเปิดสาขาไม่น้อยกว่า 2 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
นางศศิธร กล่าวเสริมว่า กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร โดยการพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงานในทุกระดับอย่างต่อเนื่องตลอดจนสร้างการตระหนักถึงความสำคัญในการให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าทุกกลุ่ม เน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน การดำเนินโครงการเพื่อสังคมควบคู่ไปกับการเติบโตของธุรกิจ การดำเนินการด้วยการมีส่วนร่วมของ “พนักงาน” “กลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” รวมไปถึงการเป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้สำหรับลูกค้า ผู้ถือหุ้นและคู่ค้า และสิ่งที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจคือ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHBANK) ได้รับการคัดเลือกจาก 567 บริษัทจดทะเบียนให้เป็น 1 ใน 100 บริษัท ที่มีความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากสถาบันไทยพัฒน์