ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยครึ่งหลังปี 2558 เดินหน้าเพิ่มสินค้าครบวงจร มุ่งขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว สร้างคุณภาพต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 23, 2015 15:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว พัฒนาสินค้าและบริการให้หลากหลายด้วยคุณภาพและเป็นสากลอย่างต่อเนื่อง สู่ความเป็น Digital Exchange รองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต พร้อมเชื่อมั่นจะบรรลุเป้าหมายปี 2558 ที่ตั้งไว้ โดย 6 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.) ยังคงสถิติมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันและการระดมทุนผ่าน IPO สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน จำนวนผู้ลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 6 หมื่นราย พร้อมควบรวมตลาด TFEX-AFET แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันรุกเพิ่มคุณภาพทุกมิติให้กับตลาดทุนไทย เตรียมประกาศรายชื่อ บจ. ไทยใน Thailand Sustainable Investment หนุนพัฒนาสู่ความยั่งยืน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2558 ว่า แม้ภาวะตลาดทุนโลกมีความไม่แน่นอนทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปมาระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานที่สำคัญหลายด้าน และยังคงรักษาความโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน อยู่ที่ 47,698 ล้านบาท (หรือ 1,443 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ) สูงสุดในภูมิภาค เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ บลจ. และธนาคารพาณิชย์ เพื่อขยายฐานผู้ลงทุนในหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนหุ้นรายใหม่ได้ 63,863 ราย และผู้ลงทุนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 4,750 ราย และในครึ่งปีหลังมีแผนที่จะเดินสายขยายฐานผู้ลงทุนในประเทศอย่างเข้มข้น โดยร่วมกับพันธมิตรจัดกิจกรรมในภูมิภาค 25 ครั้ง และในส่วนกลางจะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ดำเนินโครงการStock Saving Campaign และมหกรรมนักวิเคราะห์ภาคพิเศษ ขณะเดียวกัน สามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจาก 15 หลักทรัพย์เข้าใหม่ 159,485 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 250,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการจดทะเบียนของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น กองทุนโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบรนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) และ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เป็นต้น และการนำบริษัทไทยที่มีธุรกิจหลักต่างประเทศเข้าจดทะเบียน ได้แก่ บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) นอกจากนี้ ยังผลักดันบริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่มได้ 136,062 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเพิ่มทุนจำนวนมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับปริมาณการซื้อขายสินค้าเฉลี่ยต่อวันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 192,878 สัญญา บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ปีนี้ 190,000 สัญญา โดยเพิ่มขึ้นจากการซื้อขายใน single stock futures และ SET50 index futures “ผลสำเร็จใน 6 เดือนแรกปีนี้ มาจากการทำงานอย่างมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ด้วยคุณภาพและยั่งยืน โดยในช่วง 6 เดือนที่เหลือนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเดินหน้า ตามแนวทาง “Diversified-Digital-Sustainable-International (D-D-S-I) ต่อเนื่อง ขยายสินค้าและบริการหลากหลายด้วยคุณภาพและเป็นสากล เพิ่มสภาพคล่องและพัฒนาระบบงานสู่ Digital Exchange รวมถึงการเป็น GMS Connector ผู้นำการพัฒนาร่วมกับตลาดทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS)” นางเกศรา กล่าว นางเกศรากล่าวต่อว่า การดำเนินงานที่สำคัญในช่วง 6 เดือนหลังปี 2558 (ก.ค.-ธ.ค.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งเดินหน้าเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและบริการ โดยเตรียมการซื้อขายสัญญายางแผ่นรมควันล่วงหน้า (RSS3 futures) ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ภายหลังกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องมีผลบังคับใช้ และเตรียมรับสมาชิกจากตลาด AFET เพื่อให้บริการซื้อขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งการจัดอบรมความรู้บุคลากรจาก AFET และจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้การลงทุนซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแก่ผู้ลงทุนในหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งผลักดันการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เป็นการลงทุนที่สามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาวของผู้ที่เป็นลูกจ้าง โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมการเพิ่มบริษัทที่ใช้นโยบายEmployee’s choice พร้อมๆ ไปกับการให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เหมาะสมกับอายุเพื่อเสริมสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาว สำหรับการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน และผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มุ่งเน้นการให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบัน เพื่อมุ่งสู่ Digital Exchange โดยการเปิด SET Application สามารถสร้างยอดดาวน์โหลดได้ 44,000 ครั้ง หลังเปิดตัวเมื่อ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา และการพัฒนาช่องทางการเข้าถึงเว็บไซต์ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดให้เป็นช่องทางเดียว เพื่อรองรับการใช้งานและเข้าถึงข้อมูลที่สะดวกรวดเร็ว โดยมียอดสมาชิกรวม 33,000 คนแล้วหลังเปิดให้บริการเพียงสองเดือน นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิด Click2Win เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถจำลองการซื้อขายหุ้นและอนุพันธ์ผ่านสมาร์ทโฟน เพิ่มเติมจากเดิมที่สามารถใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ ด้านการสรรหาบริษัทจดทะเบียนใหม่ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนใหม่ 3 หลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 29,000 ล้านบาท โดยมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) ถือเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานรัฐวิสาหกิจแห่งแรกของประเทศไทยที่เข้ามาจดทะเบียน สำหรับช่วงที่เหลือปีนี้ มีหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติและรอเข้าจดทะเบียนอีก 8 หลักทรัพย์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออีก 16 หลักทรัพย์ โดยยังคงคาดว่ามูลค่าระดมทุนจากบริษัทจดทะเบียนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ออกหลักทรัพย์ จึงได้พัฒนาระบบ Digital IPO ซึ่งพร้อมให้บริการรับหลักทรัพย์ทุกประเภทได้ในไตรมาส 1 ปี2559 ด้านการขยายฐานต่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนขยายฐานผู้ลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และTFEX โดยเน้นการจัดโรดโชว์และเปิดโอกาสให้กับบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็ก ได้พบปะและให้ข้อมูลกับผู้ลงทุนต่างชาติโดยตรง ทั้งการจัดงานโรดโชว์ในประเทศในเดือนสิงหาคมนี้ (Thailand Focus) และโรดโชว์ต่างประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเพิ่มบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเป็น GMS Connector ด้วยการมีช่องทางระดมทุนเพื่อรองรับความต้องการเงินทุนของบริษัทจาก GMS และบริษัทต่างชาติที่หลากหลาย เช่น การรับหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งในรูปแบบ primary listing, secondary listing, infrastructure fund และ infrastructure trust รวมถึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงกับตลาด GMS ได้แก่ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (GMS Depository Receipt: GMS DR) นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนไทยจำนวน 111 แห่ง ที่ไปลงทุนใน GMS บนเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเชื่อมโอกาสการลงทุนใน GMS ผ่านบริษัทจดทะเบียนไทย สำหรับการพัฒนาในเชิงคุณภาพและส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดทำเกณฑ์ประเมินความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนไทย (Thailand Sustainable Investment) โดยจะประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัดด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Environment, Social, Governance: ESG) ในเดือนตุลาคม 2558 เพื่อเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพให้แก่ผู้ลงทุนในการตัดสินใจลงทุน และเป็นหนึ่งในแผนงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนไทยพัฒนาคุณภาพอย่างยั่งยืน โดยสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาดัชนี DJSI Thailand เพื่อเป็นตัวชี้วัดในระดับสากล ขณะเดียวกันยังเดินหน้าส่งเสริมความรู้แก่ผู้ลงทุนผ่านกิจกรรมห้องเรียนผู้ลงทุนและศูนย์เรียนรู้การลงทุน (SET IC) ในจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน ทั้งเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน (Investment Consultant: IC) นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์ และนิสิตนักศึกษาให้มีใบอนุญาตด้านตลาดทุน อย่างต่อเนื่องอีกด้วย สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร ดาราวรรณ มาลีสี 0 2229 2798 / อารดา กุลตวนิช 0 2229 2796 / กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2229 2048

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ