กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--กระทรวงพลังงาน
กระทรวงพลังงาน ห่วงการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติ (JDA-A18) เตรียมพร้อมยกระดับการเฝ้าระวังเพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างมั่นคง
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จากการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ JDA-A18 เป็นวันที่ 3 แล้วพบว่าวันแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2558 มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 2,159.75 เมกะวัตต์
เมื่อเวลา 19.21 น. และวันที่ 22 กรกฎาคม 2558 มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 2,256.35 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 19.22 น. เพิ่มขึ้นจากวันแรกถึง 96.6 เมกะวัตต์ ทำให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มระดับการเฝ้าระวังการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น โดยทาง กฟผ. ได้คาดการณ์ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดระหว่างที่มีการหยุดซ่อมบำรุง อยู่ที่ 2,350 เมกะวัตต์
ส่วนความคืบหน้าของการปิดซ่อมบำรุงประจำปีของแหล่งก๊าซธรรมชาติ (JDA-A18) ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2558 แล้วเสร็จ 60% ซึ่งเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงในการสำรองน้ำมันดีเซลรวม 17.4 ล้านลิตร ยอดใช้ถึงวันนี้ อยู่ที่ 3.55 ล้านลิตร และสำรองน้ำมันเตารวม 17.7 ล้านลิตร ยอดใช้ถึงวันนี้ อยู่ที่ 1.37 ล้านลิตร
อย่างไรก็ตาม กฟผ. ได้เตรียมกำลังผลิตพึ่งได้สำรองอยู่ที่ 2,833 เมกะวัตต์ โดยหากดูจากการเดินเครื่องในช่วงเวลาหยุดซ่อมบำรุง มีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้ามาจากสายส่งไฟจากภาคกลาง (Tie Line) 600 เมกะวัตต์,Gas 685 เมกะวัตต์, SPP 25 เมกะวัตต์, ซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซีย 30 เมกะวัตต์, ดีเซล 410 เมกะวัตต์, น้ำมันเตา 315 เมกะวัตต์ และจากเขื่อนในภาคใต้ (Hydro) 284 เมกะวัตต์ ทั้งนี้หากมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเกินกำหนดการเฝ้าระวัง ได้มีมาตรการรองรับแผน 2 ด้วยการปรับเพิ่มปริมาณการส่งไฟฟ้าจากภาคกลาง และซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมีผลมาจากการเจริญเติบโตทางธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ สมุย ภูเก็ต หาดใหญ่ ที่รวดเร็ว โดยคาดว่าความต้องการไฟฟ้าจะขยายตัวถึงปีละ 5% และคาดว่าในปี 2562 ความต้องการไฟฟ้าสูงสุดจะอยู่ที่ 3,062 เมกะวัตต์ กระทรวงพลังงานจึงต้องวางแผนการผลิตไฟฟ้าที่มีสมดุลและเพียงพอกับความต้องการใช้ รวมทั้งบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิง ที่มีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติถึง 40% ซึ่งหากมีการหยุดซ่อมประจำทุกปี เช่นในขณะนี้ที่มีการหยุดซ่อมแหล่งก๊าซฯ JDA-A18 มีผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 ไม่สามารถดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ และเดินเครื่องได้เพียงชุดที่ 1 ที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมนดีเซลแทน เมื่อรวมกับโรงไฟฟ้าขนอม เขื่อนรัชประภา เขื่อนบางลาง และโรงไฟฟ้าอื่นๆ รวมปริมาณกำลังผลิตพึ่งได้ประมาณ 2,200 เมกะวัตต์ ซึ่งไม่เพียงต่อความต้องการ จึงต้องมีการรณรงค์ให้ลดใช้พลังงานในพื้นที่ภาคใต้ทุกปีเช่นกัน “ดังนั้น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วน และประชาชนทั่วไป ช่วยกันประหยัดไฟฟ้าในช่วงวันที่ 21 – 25 กรกฎาคมนี้ ช่วยกัน ปิดไฟ ปรับแอร์ ปลดปลั๊ก และช่วยเลี่ยง-ลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลา 18.30 – 22.30 น. โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของประเทศได้ หากสามารถทำได้ ความเสี่ยงของการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ก็จะหายไป” นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มเติม.