กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--คิธ แอนด์ คินฯ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีความผันผวนสูงตลอดครึ่งปีแรกของปี2558 โดยปรับตัวลงมาตลอดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ จากจุดสูงสุดของปีที่ 1,615.89 จนถึงปัจจุบันที่ลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดของปีที่ระดับ 1,430.22 จุด ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2558 ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดถึง 12.98% สาเหตุเกิดจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ รวมถึงสภาวะตลาดหุ้นของจีนที่ปรับตัวลงแรงในช่วงเดือนมิถุนายน
ส่วนปัจจัยในประเทศ ช่วงที่ผ่านมากลุ่มธนาคารได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากแนวโน้มของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL )ที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย ที่ธุรกิจต่าง ๆ อาจจะเริ่มมีปัญหาและส่งผลต่อภาคธนาคารได้
อย่างไรก็ตาม ฐานะทางการเงินของธนาคารไทย ถือว่า มีความแข็งแกร่งอย่างมาก ยังห่างไกลจากจุดที่จะทำให้เกิดปัญหาได้ รวมถึงกลุ่มพลังงานยังคงได้รับแรงกดดันอยู่ จากที่ราคาน้ำมันได้เริ่มปรับตัวลดลงอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง ในขณะที่ยังมีหลายหลักทรัพย์ที่ยังคงมีศักยภาพในการเจริญเติบโตของผลประกอบการอยู่ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ สภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องที่สูงทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง การที่ตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้ปรับตัวลดลงมา ทำให้ค่า P/E กลับมาอยู่ในระดับที่ไม่แพง ประกอบกับผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่ได้ประกาศออกมานั้นดีกว่าที่คาดไว้ กลุ่มธนาคารน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย โดยเฉพาะการเข้าลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งเป้าหมายดัชนีของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ 1,580 จุด ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยในระดับที่ดีนั้นเป็นไปได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับดัชนี ณ ปัจจุบัน
ในช่วงเวลานี้ จึงเป็นโอกาสที่ดี สำหรับการลงทุนในกองทุน RMF- LTF และกองทุนทั่วไปที่ลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต สำหรับกองทุน RMF – LTF ของบลจ.กรุงไทย มีหลายกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เช่น กองทุนเปิดกรุงไทย ซีเล็คทีฟ อิควิตี้ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ ( KTSE-RMF ) ผลตอบแทน ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2558 ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ - 6.64 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 0.83 และ YTD อยู่ที่ 1.67 กองทุนเปิดกรุงไทย ซีเล็คทีฟ อิควิตี้ ฟันด์ (KTSE ) ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ - 6.20 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.39 และ YTD อยู่ที่ 2.16 กองทุนเปิดกรุงไทย สมาร์ท อิควิตี้ ฟันด์ ( KTEF ) ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่- 8.13 ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 0.97 และ YTD อยู่ที่ - 0.75 ในขณะที่ เกณฑ์มาตรฐาน AIMC ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ -10.03 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่- 6.86 และ YTD อยู่ที่ -3.98
นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุน RMF / LTF ของบลจ. กรุงไทยทุก ๆ 50,000 บาท รับเงินคืนเข้า กองทุน เปิดกรุงไทยธนทรัพย์ พลัส (KTPLUS) 100 บาท และสามารถซื้อหน่วยลงทุนผ่านบัตรเครดิต KTC ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ