กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) ร่วมกับสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สพว.)หรือ ISMEDเร่งสร้างนักออกแบบหน้าใหม่พลิกโฉมวงการแฟชั่นไทยให้ทันสมัยและสอดรับตามความนิยมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามนโยบายส่งเสริมศักยภาพและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญก็คือการมุ่งเน้นสร้างนักออกแบบในสาขาอุตสาหกรรมแฟชั่นให้ก้าวสู่ความเป็นสากลผ่านกิจกรรมการสร้างนักออกแบบในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย หรือ FashionDesignerCreation2015(FDC2015)ภายใต้ “โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย” มุ่งเน้นแนวคิดนวัตกรรมแฟชั่น (Innofashion) หลังพบว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2558 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งเกิดจากผลกระทบหลายด้านกสอ. จึงต้องเร่งพัฒนาทั้ง 3 สาขา ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 2.อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ 3.อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า ด้วยการผลักดันอุตสาหกรรมดังกล่าว เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแฟชั่นอาเซียนภายในปี 2560ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกล่าวว่ากสอ.ในฐานะหน่วยงานที่ให้การส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน จึงเร่งดำเนินนโยบายส่งเสริมศักยภาพและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญก็คือการมุ่งเน้นสร้างนักออกแบบ ซึ่งเป็นพลังสมองในการสร้างสรรค์ช่วยพัฒนาและพลิกโฉมวงการแฟชั่นไทยให้ทันสมัยและสอดรับตามความนิยมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการต่อยอดพัฒนาความสามารถของนักออกแบบแฟชั่นซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs ได้เกิดความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาสินค้าที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ก้าวสู่ความเป็นสากล
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี แม้ว่าปัจจุบันวงการแฟชั่นทั่วโลกจะเปิดกว้าง สำหรับผู้ที่มีความชื่นชอบเกี่ยวกับธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายแต่ไม่อยากทำงานประจำ ก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นได้ง่ายมากขึ้น จนก่อให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่(NewEntrepreneur)และ DesignerFirmที่ผันตัวมาทำธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่นอย่างคับคั่ง ทว่าการจะประกอบธุรกิจแฟชั่นได้อย่างสมบูรณ์และประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านแฟชั่นเป็นอย่างดี ทั้งในด้านความต้องการของตลาด การรู้ทันเทรนด์แฟชั่นที่จะเปลี่ยนไปทุกฤดูกาล รวมทั้งความรู้ด้านการออกแบบซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะการออกแบบถือเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ต้องสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ โดยอาจจะที่ผสมผสานนวัตกรรมการผลิต ประยุกต์เข้ากับเทรนด์แฟชั่นให้เกิดความโดดเด่นสวยงามสะดุดตา กสอ.จึงได้ร่วมกับ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สพว.) หรือISMEDดำเนินการจัดกิจกรรมสร้างนักออกแบบรุ่นใหม่ด้วยโมเดล FDC2015 (Fashion Designer Creation 2015)ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยที่ชูจุดเด่นด้านฝีมือและการออกแบบภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมแฟชั่น”(Innofashion)
โดยในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่สนใจในการออกแบบได้ส่งผลงานเข้าร่วม 3 ประเภทอุตสาหกรรมแฟชั่น คือ 1.สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 2.อัญมณีและเครื่องประดับ และ3.เครื่องหนังและรองเท้าเข้าประกวดซึ่งได้รับความสนใจและมีผู้ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดจำนวนมากกว่า 200ราย ทั้งนี้ในรอบรองชนะเลิศจะคัดผลงานที่โดดเด่นให้เลือกเหลือเพียง 12 รายหลังจากนั้นจะทำการคัดเลือกผลงานที่ดีที่สุดเพียง 1 ราย ในแต่ละประเภทอุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นผู้ชนะเลิศในปีนี้ ทั้งนี้ ผลงานต้นแบบที่ถูกคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและทรงคุณวุฒิทั้ง 12 คอลเลคชั่นจะถูกนำไปจัดแสดงแฟชั่นโชว์และนิทรรศการในงาน ThailandIndustryExpo2015ระหว่างวันที่ 22 – 27 กันยายน 2558 ณ ชาเลนเจอร์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี อีกทั้งมีโอกาสได้รับเลือกไปร่วมจัดแสดงในงานแสดงแฟชั่นโชว์นานาชาติ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการออกแบบแฟชั่นให้ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานปรากฏสู่สายตาสาธารณชนควบคู่ไปกับการสร้างรากฐานพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยยุคใหม่ด้วยแนวคิดนวัตกรรมการผลิต โดยได้จัดกิจกรรมคัดเลือกนักออกแบบรอบรองชนะเลิศเมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้องประชุมโซนเอ อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พระรามที่ 6
ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดสากลได้ และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักออกแบบซึ่งถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นศูนย์กลางของแฟชั่นในภูมิภาคอาเซียนในปี 2560 ตามเป้าหมายที่วางไว้ นายอาทิตย์ กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 4414-18 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือwww.facebook.com/dip.pr