กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 3/58 โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท ด้านผู้บริหารหนุ่ม "พีระพงศ์ จรูญเอก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลุยเปิดโครงการใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ โครงการ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา มูลค่ารวม 2,500ล้านบาท หวังกระตุ้นยอดขายสิ้นปีแตะ 5,500 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ 5,300 ล้านบาท พร้อมเดินสายขายโครงการคอนโดมีเนียมต่างประเทศ คาดสัดส่วนรายได้ลูกค้าต่างประเทศโต 20% ในปีหน้า จากเดิม 10%
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้จำกัด (มหาชน) หรือ ORIผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียมตามแนวสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในไตรมาส 3/2558 นี้ โดยจะขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายโครงการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการอยู่ในมือ 27 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,065 ล้านบาท และโครงการในอนาคตอีกจำนวน6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,270 ล้านบาท และยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ จำนวน 5,300 ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2558-2559
ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่ม คือ โครงการ ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชียน ศรีราชา เป็นคอนโดมิเนียม 35 ชั้น มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายโครงการดังกล่าวได้ในไตรมาส 3/2558 โดยโครงการดังกล่าวได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารยูโอบีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนโครงการไนท์บริดจ์ สกายซิตี้สะพานใหม่ ติดถนนพหลโยธิน และสถานีรถไฟฟ้า BTS สายหยุด เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูง 15 ชั้น มูลค่า 1,340 ล้านบาท ปัจจุบันมีการเปิดขายอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 80% ของมูลค่าโครงการและคาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 3/2560
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ว่า แนวโน้มธุรกิจมีการเติบโตที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ในระดับ 3%
นอกจากนี้บริษัทฯได้เดินหน้ากระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดขายในส่วนของกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศ ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม –สิงหาคมนี้ บริษัทฯ จะเดินสายนำเสนอข้อมูลของโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมทั้งแบบอาคาร Low Rise และอาคาร High Rise ที่ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และจีนโดยตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศในปี 2559 เพิ่มเป็น 20% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศอยู่ที่ระดับ 10%
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี2555 บริษัทฯ มีรายได้รวม 192.4 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 28.6 ล้านบาทปี 2556 มีรายได้รวม 418.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64.2 ล้านบาท และปี2557 มีรายได้ 559.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 70.3 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (2555-2557) โดยมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 69.79% ขณะที่ผลการดำเนินการในไตรมาสแรกยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีคุณภาพของบริษัทฯ ที่รายได้ 489.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 105.3 ล้านบาทเพียงไตรมาสเดียวเติบโตอย่างมีคุณภาพเมื่อเทียบกับปีที่แล้วทั้งปี